วีซ่าคู่หมั้น(K-1 visa) VS. วีซ่าคู่สมรส(K-3 visa) ภาค 1


 ข่าวดีค่ะ  ประกาศจากรัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกา การแต่งงานเพศเดียวกันสามารถได้รับสิทธิประโยชน์เฉกเช่นคู่แต่งงานต่างเพศ ได้แล้วค่ะ และหนึ่งในสิทธิประโยชน์ที่สำคัญก็คือ การแต่งงานกับเพศเดียวกันสามารถยื่นขอใบเขียวให้คู่สมรส รวมถึงการยื่นขอและรับรองวีซ่าคู่หมั้น K-1 visa ได้แล้ว อันนี้ต้องขอขอบคุณรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นรัฐแรกที่มีการอนุญาติให้แต่งงานกับเพศเดียวกันได้

**********************************************************************************************************

วีซ่าคู่หมั้น VS. การจดทะเบียนสมรส
                เราจะมาพูดถึงเรื่องข้อเสียของการขอวีซ่าคู่หมั้นที่ประสบพบมา เราโชคดีที่มีคนรู้จักทำงานใต้จมูกทนายกฏหมายคนเข้าเมืองของอเมริกา แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือเราได้รับทราบเรื่องราวของผู้หญิงที่ถูกคู่หมั้นปล่อยลอยแพ ไม่ยอมจดทะเบียนสมรสให้ และจะเกิดอะไรขึ้นหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับคุณ แต่ก่อนอื่นขอเล่าความเป็นมาของวีซ่าคู่หมั้นก่อนนะค่ะ ว่ามีมาได้อย่างไร และทำไมถึงได้มีกฏหมายตัวนี้ขึ้น  มีสาวๆ หลายคนที่มีแฟนเป็นชาวต่างชาติ ( American citizen หรือ ซิติเซ่นของชาติอื่น) ได้เดินทางไปหาแฟนชั่วคราวแต่ไม่นานได้กลับมา เป็นไปได้มากว่า..ได้ขอวีซ่าคู่หมั้นเพื่อเดินทางออกนอกประเทศ  ทำไมอยู่เลยไม่ได้ มาอ่านกันดูนะค่ะ แต่ก่อนอื่นขอเล่าความเป็นมาของวีซ่าคู่หมั้นก่อนนะจ้ะ
 
*** ประวัติความเป็นมาของวีซ่าคู่หมั้น ***
                 ต้นกำเนิดของวีซ่าคู่หมั้นนั้น ต้องย้อนในไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปลายปี 1945 ช่วงปลายของสงครามโลกครั้งที่ 2 คองเกรสได้ผ่านกฏหมายที่มีชื่อว่า The War Bride Act (เดอะ วอร์ ไบรด์ แอ็กท์) แปลตรงๆ ตัวก็ "เจ้าสาวสงคราม" ที่อนุญาติให้ทหารชาวอเมริกันขอวีซ่าพาลูกเมียกลับอเมริกาด้วยได้ แต่กฏหมายก็มีการแก้ไขเนื่องด้วยมีคนหัวใสใช้ประโยชน์จากวีซ่าตัวนี้ ... (จะขอเล่าสั้นๆ ) พอกฏหมายตัวนี้ออกมาได้ไม่นานนักก็มีนายหน้าบริการจัดหาคู่ให้ฝรั่ง ด้วยการส่งอัลบั้มรูปผู้หญิงไปให้ฝรั่งดู จากนั้นพี่หรั่งที่อยู่อีกฝากโลกก็จะทำการเลือกเจ้าสาวจากรูป สมัยก่อนไม่มีอีเมลล์จัดส่งไวเหมือนสมัยนี้นะ เมื่อจะเลือกเจ้าสาว เค้าต้องเลือกผ่านการส่ง "ไปรษณีย์" หรือเขาเรียกกันว่า Mail order bride ("เมลล์ ออร์เด้อร์ ไบรด์") คือการสั่งเจ้าสาวผ่านไปรษณีย์ นายหน้าหัวใสก็จะนำผู้หญิงที่ถูกเลือกส่งไปให้ฝรั่งผ่านวีซ่าเจ้าสาวสงคราม แถมองค์กรจัดส่งเจ้าสาวไปรษณีย์นี่ไม่ใช่องค์กรเล็กๆ นะ ไม่ธรรมดา แต่ทั้งฝั่งผู้หญิงและชายนั้นไม่เคยเจอหน้าค่าตามันมาก่อน พอมาอยู่ร่วมกันก็มีปัญหานาๆ ตามมา  พอนานวันเข้าคองเกรสเริ่มเล็งเห็นปัญหาที่เกิดขึ้น จึงมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฏหมายขึ้น โดยการผ่านกฏหมายวีซ่าคู่หมั้น K-1 finance visa โดยมีเงื่อนไขว่าฝ่ายหญฺิงและชายต้องพบเจอกันก่อน 2 ปี ก่อนที่จะยื่นขอวีซ่าคู่หมั้นได้
                    เงือนไขอีกอย่างของวีซ่าคู่หมั้นคือ เมื่อคู่หมั้นเข้ามาในอเมริกาแล้ว ต้องแต่งงาน(จดทะเบียนสมรสกัน) ภายใน 90 วัน จึงจะยื่นขอใบเขียวให้ได้ ถ้าไม่แต่ง** คู่หมั้นมีทางเลือกเดียวคือต้องเดินทางกลับประเทศตน ที่สำคัญ คู่หมั้น (ไม่ว่าจะเป็น หญิง หรือ ชาย) ไม่สามารถที่จะหลบเลี่ยงไปแต่งงานกับคนอื่นได้นอกจากคนที่เป็นคู่หมั้นของ ตัวเองเท่านั้น มีหลายคนที่ไม่ได้แต่งงานและยอมที่จะหนี (โดดเป็นโรบินฮู้ด อยู่อย่างผิดกฏหมาย)  อยู่ที่อเมริกาต่อโดยไม่กลับประเทศ ต่อมาได้เจอรักใหม่ และต้องการจดทะเบียนสมรสกับแฟนใหม่ ...อันนี้ผิดเต็มๆ นะ หากคุณทำแบบนั้น คุณต้องโดนเนรเทศออกนอกประเทศทันที เพราะวีซ่าคู่หมั้นบอกไว้ชัดเจนว่า หากคุณไม่แต่งงาน คุณต้องเดินทางออกจากอเมริกา และก็ต้องทำเรื่องขอใบเขียวแต่งงานผ่านสถานฑูตเข้ามาใหม่ กับคู่สมรสใหม่ แต่ก็ไม่การันตีว่าจะได้หรือไม่ แล้วแต่กรณีๆ ไป
                       ต่อมีการเพิ่มเติมในตัวกฏหมายเมื่อปี 2006 หลังจากที่มีกรณีที่มีคดีทางเพศเกี่ยวกับเด็ก รวมถึงการขายรูปเด็กโป๊ ทำให้มีการออกกฏหมายคุ้มครองเด็ก หากบุคคลใดมีคดีเกี่ยวกับการกระทำอนาจารกับเด็ก จะไม่สามารถขอวีซ่าคู่หมั้นหรือใบเขียวให้คู่สมรสได้ อันนี้สาวๆ ก็ต้องเช็คประวัติหวานใจคุณให้ดี อีกทั้ง ณ ปัจจุบัน วีซ่าคู่หมั้นขอยากมากขึ้นเพราะต้องใช้เวลาตรวจสอบประวัติผู้ยื่นขอวีซ่าคู่ หมั้นก่อน
....... โปรดติดตาม วีซ่าคู่หมั้น(K-1 visa) VS. วีซ่าคู่สมรส(K-3 visa) ภาค 2 นะค่ะ

อ้างอิง:
http://travel.state.gov/content/visas/english/immigrate/types/family/fiance-k-1.html

http://www.uscis.gov/family/family-us-citizens/fiancee-visa/fiancee-visas


No comments:

Post a Comment

กรุณาใช้ข้อความที่เหมาะสม เพื่อความสุขสงบในอารมณ์ของผู้อ่านและแอดมินนะค่ะ