Tuesday, September 9, 2014

ถ้าวีซ่าขาดจะสมัคร Lotto green card ได้หรือไม่

ก่อนอื่นก็ต้องขออภัยอย่างมากมายเลยค่ะ ที่ไม่ได้อัพข้อมูลดีๆมานานมาก ติดภาระกิจอันยิ่งใหญ่และหนักหน่วง จนทำให้มีมือดี ที่นิสัยไม่ค่อยดีมา posted links เว็บโป๊ะ ต่างๆ นาๆ อันนี้มีสก็ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงด้วยนะค่ะ 

ในช่วงที่หายไป มีคนส่งอีเมลล์ไปถามกันมากเลยค่ะ เรื่องการสมัคร Lottery green card แต่ว่าสถานะของวีซ่าที่เข้าอเมริการมาขาด จะสมัครได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้แล้วจะอย่างไร ถ้าถามว่าสมัครได้ไหม คำตอบคือ สมัครได้ค่ะ เพราะไม่มีข้อบัง หรือกฏที่ว่าถ้า visa ขาดแล้วห้ามสมัคร แต่มันก็มีนัยยะสำคัญอยู่นะค่ะ ที่ตอบว่าได้เนี่ย สิ่งที่คุณควรคำนึงถึง เมื่อวีซ่าขาดแล้วอยู่เกิน ไม่ใช่การสมัคร Lotto ใบเขียวได้หรือไม่ได้ ที่ต้องกังวลคือ ถ้าเกิด คุณ win lottery green card แล้ว มันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นต่างหากค่ะ 

มาวิเคราะห์กันตามจริงก่อนนะค่ะ
      อย่างแรก ต้องเข้าใจก่อนว่า ถ้าวีซ่าของคุณขาด และคุณ overstayed แล้ว นั่นคือการทำผิดกฏหมายคนเข้าเมืองไปแล้วค่ะ และโทษที่เขาวางไว้ก็จะมีบังคับใช้เช่นกัน มีสิทธิ์โดนเนรเทศตาม Consequences of Unlawful Presence in the U.S.:Three-and Ten-Year Time Bars เช่น ถ้าอยู่ไม่เกิน 1 ก็จะโดนเนรเทศไม่กี่ปี (คือห้ามเข้าประเทศอเมริกา)  แต่ถ้าอยู่เกิน 1 ปี ขึ้นไปก็จะโดนเนรเทศ 10 ปีค่ะ แน่นอนค่ะว่า ถ้าคุณได้ใบเขียวจากการสมัคร lottery green card คุณต้องโดนเนรเทศก่อน เพราะคุณไม่ใช่ Citizen ได้แค่กรีนการ์ด คงเคยได้ยินเสียงเล่าลือเสียงเล่าอ้างกันเรื่องที่ว่า หากสถานะขาดแต่งงานกับใบเขียวก็โดนเนรเทศอยู่ดี ใช่ไหมค่ะ ใบเขียวไม่สามารถยกเว้นโทษเนรเทศให้คุณได้ แต่ถ้าอยากอยู่ต่อ จะได้รับการอภัยโทษในกรณีเดียว คือ ต้องเป็น immediate relative กับ American citizen เท่านั้น ยกเว้นคนที่ทำผิดกฏหมายร้ายแรง หรือคนที่แต่งงานกับอเมริกันซิติเซ่น แต่ทำผิดกฏวีซ่าคู่หมั้นถึงจะไม่รับการอภัยโทษ
       แต่ก็มีกรณีที่ อยู่เป็นโรบินฮู้ด ทั้งพ่อ แม่ แต่ว่า มีลูกซึ่งเกิดในอเมริกา ถือว่าเป็น American citizen นี่จัดว่าเป็น immediate relative กับตัวพ่อแม่ ถ้าเป็นเช่นนั้น ในกรณีที่คุณ พ่อ แม่ โดนเนรเทศ อาจจะขอสิทธิ์ ขอ waiver การถูกเนรเทศได้เนื่องจากลูกยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ว่าอาจจะต้องรอเป็นสิบปีกว่าจะได้ใบเขียว
       แต่อย่างไรก็ตาม มันแล้วแต่สถานะการณ์ของแต่ละคนไปนะค่ะ ทางที่ดี มีสขอแนะนำให้ปรึกษากับทนายที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านกฏหมายคนเข้าเมืองโดยตรงดีกว่า ปรึกษาอย่างมีสตินะค่ะ เพราะบางทีทนายหลายคนก็บอกความจริง หรือข้อเท็จจริงแบบไม่หมดเปลือก จะด้วยเหตุผลใดๆ ไม่ทราบ ถ้าจะให้ดีควรจะปรึกษากับสามคนเป็นอย่างน้อย ถ้าเขาพูดมาเป็นเสียงเดียวกันสัก สองในสาม ก็ถือว่าข้อมูลใช้อ้างอิงได้


    



No comments:

Post a Comment

กรุณาใช้ข้อความที่เหมาะสม เพื่อความสุขสงบในอารมณ์ของผู้อ่านและแอดมินนะค่ะ