Wednesday, December 19, 2012

สมอง ความฉลาดและโอกาสในชีวิต



วันนี้ข้อแวะมาเก็บข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาฝากหละกันนะ สำหรับคนที่สนใจเรื่องความฉลาด เรื่องสมอง และมีลูกเล็กๆ ควรอ่านอย่างแรง ...สมองและความฉลาดสร้างมาจากสองส่วน Hard wired and soft wired : hard wired คือ มันสมองที่มาพร้อมกะ DNA ซึ่งปัจจุบันระบุแล้วว่ามีผลต่อความฉลาด < 20% นับรวมกะพวกโรคทางกรรมพันธุ์ หรือโรคโครโมโซมผิดปกติแล้วอะนะ แต่ soft wired คือความฉลาดที่เกิดจากเส้นใยสมอง เเละเส้นใยสมองเกิดขึ้นได้สองทางคือ ทางกระบวนการคิด และการฝึกปฏิบัติจากประสบการณ์ ถามว่าแล้วมันเกี่ยวอะไรกะฉัน ฉันแก่แล้ว บอกเลยว่าเกี่ยวกะทุกคน ตราบเท่าที่คุณยังมีลมหายใจ เพราะสมองจะสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาใช้งานเรื่อยๆ จนวันตาย นี่คือผลวิจัยล่าสุดจากนักประสาทวิทยาและนักวิจัยทางสมองจากหลายสถาบันในสหรัฐอเมริกา
            คนส่วนมากยังคิดว่าความฉลาดได้มาจากพ่อแม่อย่างเดียว แต่หลายสถาบันของสหรัฐอเมริกาได้ยืนยันแล้วว่าไม่ใช่ Malcolm Gladwell เขียนหนังสือเรื่อง Outlier ซึ่งเป็น Bestseller ว่า "we tend to overestimate talent's contribution to achievement while we simultaneously underestimate the role of luck and effort" กล่าวคือ เราประเมินค่าพรสวรรค์ทางปัญญาที่มีผลต่อความสำเร็จมากเกินไปจนลืมมองว่าบทบาทสำคัญอีกประการคือ ความโชคดีและความเพียร เค้าเล่าเรื่องเบื้องหลังความสำเร็จของ Bill Gates ไว้น่าสนใจมากๆ Bill Gates โชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะ คุณไปดูประวัติเค้าซิ ครอบครัวจัดว่ารวยได้เลย นั่นคือความโชคดีของเค้า ด้วยครอบครัว ไล่จากปู่ย่าลงมาหาพ่อแม่ เป็นคนที่มีการศึกษาดี สิ่งแวดล้อมหล่อหลอมให้เป็นไป อีกทั้งเค้าได้ถูกส่งเข้าเรียนในโรงเรียนเอกชนตั้งแต่เด็ก โรงเรียนนี้่จัดว่าเป็นโรงเรียนอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ ซึ่งต่อมาก็มีบริษัทที่เพิ่งเปิดในเมืองที่เค้าอยู่ มาเสนอให้โรงเรียนว่าจะให้เด็กเรียน programming free สมัยก่อนคำว่า computer มีคนรู้จักน้อยมาก บิว เกทส์ได้เล่นคอมก่อนชาวบ้าน แถมยังเสนอตัวทำ programming project ก่อนจบมัธยม โดยมีโปรแกรมเมอร์อัจฉะริยะ John Norton เป็นเหมือนกับโค้ชให้ นี่คือโอกาสที่ทำให้ Bill gates ค้นหาตัวเองเจอ ว่าเค้าชอบคอมพิวเตอร์มากกว่าที่จะเจริญรอยตามพ่อไปเป็นทนายความ แต่เบื้องหลังความสำเร็จของเก็ทส์คือความพยายามอย่างล้นหลาม ช่วงที่เค้าเรียนมัธยม และเรียนเขียนโปรแกรมไปด้วยนั้น เค้าตื่นตั้งแต่ตีสามทุกวันเพื่อที่จะมาเขียนโปรแกรม ฝึกตัวเองให้เก่งคอมพิวเตอร์ 3am - 6am ก่อนไปเรียนทุกวันเป็นเวลาเกือบสิบปี จนเข้ามหาลัย เค้าพยายามมากๆ มากกว่าคนปกติด้วยซ้ำ เหมือนที่ Thomas Edison บอกไว้ว่า "Genius is one percent inspiration and ninety-nine percent perspiration" อัจฉริยะ ประกอบด้วยแรงบันดาลใจเพียงหนึ่งเปอร์เซ็น แต่อีก 99% คือหยาดเหงื่อจากความเพียรพยายาม ในหนังสือของ David Walsh, Ph.D. ยกตัวอย่างความเพียรไว้อีกว่า เด็กเอเซียคนหนึ่ง Thuy เป็นเด็กต่างชาติ เวียดนาม นางขยันมาก และไม่เคยเดินออกจากห้องไปด้วยความงงงวย คือนางต้องถามคุณครูให้รู้ ให้เข้าใจก่อน  เด็กเอเซียที่เรียนเก่ง ๆ อันนี้ยกมือโหวตเห็นตัวด้วยมีเพื่อนคนเวียดนามและคนจีนหลายคนเรียนเก่งมาก มันบอกมาคำเดียวเลย ถ้าอยากเก่งต้อง hard work คือทำการบ้านอ่านหนังสือเยอะๆ ยิ่งถ้าเป็นพวกคำนวณมันบอกว่าต้องทำหลายๆ รอบให้จำ ถ้าจำมันจะเข้าใจไปเอง
           David Walsh, Ph.D. พูดเรื่อง Fundamental contribution errors ไว้คร่าวๆ แต่น่าสนใจมาก ผู้ใหญ่ที่โตมาแล้วรู้สึกว่าตัวเองไม่ฉลาดก็เพราะตัวตอนเด็ก ๆ เค้ามีพื้นฐานการเรียนรู้ที่ไม่แน่น ยกตัวอย่างเช่น ตัวเค้าเองเรียนคณิตไม่เก่งเพราะว่าเค้าได้ครูที่เค้าไม่ชอบมาสอน ทำให้งง ทำให้เค้าไม่อยากเรียน จนเป็นปัญหาไปพักหนึ่ง แปลว่าถ้าท่านที่มีเด็กเล็ก ก็ต้องฝึกเช็ค ฝึกดูให้เค้ามีรากฐานที่มั่นคงในการเรียนรู้ จะได้ไม่ต้องพยายามมากเกินความจำเป็นเมื่อตอนโต ส่วนผู้ใหญ่ที่ยังอยากศึกษาหาความรู้อยู่ ก็เพียรพยายามเข้าไว้ แล้วเดี๋ยวจะฉลาดขึ้นเอง แต่ต้องพยายามนะ ตั้งใจจริงๆ

No comments:

Post a Comment

กรุณาใช้ข้อความที่เหมาะสม เพื่อความสุขสงบในอารมณ์ของผู้อ่านและแอดมินนะค่ะ