Thursday, January 29, 2015

การค้าแรงงานทาสในอเมริกา

ฝันหวานๆ ที่อาจจะกลายเป็นความขมขื่นที่คุณไม่คาดคิด

การค้าแรงงานทาสมีจริงหรือ? แล้วมันคืออะไรกันแน่ หรือมันแค่มโน

การค้าแรงงานทาสในอเมริกามีจริงหรือ ก็ไหนว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ... เรื่องจริงมันยิ่งกว่านิยายค่ะ มีสขอให้บทความในโพสนี้เป็นข้อความเตือนสติและเป็นวิทยาทานสำหรับท่านที่อยากไปขายแรงงานที่อเมริกา 
หลายครั้งที่คนไทยต้องการจะไปขุดทองที่อเมริกา จริงอยู่ว่าค่าเงินมันแพงกว่า แต่ก็ใช่ว่าจะคุ้มทุกครั้ง ในปี 2007-2008 มีสเคยมีโอกาสได้ไปเป็นล่ามแปลภาษาไทยให้กับองค์กรไม่หวังผลประโยชน์ทางรัฐแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ ใช่แล้วค่ะ แปลไทยนั่นหมายถึงกลุ่มคนที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งค้ามนุษย์เป็นคนไทย สุดท้ายมีสก็เป็นเพื่อนกับพวกเค้า แต่น่าตกใจเหมือนกันค่ะ หลังจากที่ฟังเรื่องราวที่เล่ามาทั้งหมด กลุ่มคนกลุ่มนี้ เป็นหนึ่งในสองกลุ่มที่ร่วมมือกันเล่นงานนายจ้างและนายหน้าที่หลอกมาขายแรงงาน ถ้ามีสจำไม่ผิด กลุ่มแรกมี 33 คน กลุ่มที่ 2 มี 36  (ถ้าตัวเลขคลาดเคลื่อนก็ต้องขออภัย) ทั้งหมดที่ไปในงานนี้ 72 คน ถูกหลอกจำนวน 69 คน ส่วนมากที่มาเป็นคนทางภาคอีสานค่ะ ขอนแก่น อุดร อุบล โดยนายหน้าไปติดต่อให้ไปทำงานเป็นช่างเชื่อมบอกว่าโรงงานที่จะจ้างคือโรงงานแห่งหนึ่ง (ขอไม่ออกนาม) อยู่ที่เมือง Napa รัฐ California พอเดินทางไปอเมริกาเครื่องลงที่ลอสแองเจลลิส จะมีเอเย่นคนหนึ่งเป็นชาวเกาหลีไปรับที่สนามบินแล้วไปพักที่ที่เขาเตรียมไว้ให้แยกกันไป แต่กลุ่มที่มีสไปช่วยเล่าให้ฟังว่า บ้านหลังเดียวอยู่กัน 22 คน ผลปรากฏว่าเมื่อไปถึงอเมริกาคนงานที่ได้ไปทำในโรงงานเชื่อมเหล็ก มีแค่เพียง 3 ราย จากจำนวนคนที่ไปทั้งหมด นึกออกใช่ไหมว่าคนอื่นโดนลอยแพ ต้องแยกย้ายกันไปทำงานตามที่อื่นๆ คนที่มีสไปแปลภาษาไทยบอกว่า คนที่มีสสนิทด้วยเป็นคนขอนแก่น เล่าว่าเขากับเพื่อนอีกหกคน ได้ไปทำงานกับร้านเกาหลี คนที่คุมพวกเป็นชาวเกาหลีชื่อคิม คิมยึดเอาพาสปอร์ตพวกเขาไป ทำอะไรไม่ได้ ภาษาอังกฤษก็พูดไม่ได้ ต้องทนอยู่แบบนั้นหลายเดือน เงินก็แทบจะไม่มี ไม่ส่งทางบ้านเลยเพราะ จ่ายค่านายหน้าไปคนละหลายแสน ไหนบางคนต้องเอาที่ดินไปจำนองเพื่อหาเงินค่านายหน้าและค่าเดินทางอีก
สุดท้ายโชคดีที่มีคนในกลุ่มไปร้องเรียนกับ Thai CDC ที่ลอสแองเอลลิส ให้ช่วยเหลือพวกเขาเลยได้รับอิสระภาพ และแยกย้ายกันไป คดีดำเนินต่อไป จนกระทั่งได้ชัยชนะ หลังจากที่เจอมรสุมใหญ่ คนไทยกลุ่มนี้ได้รับอิสระพร้อมใบเขียวหรือกรีนการ์ด รวมถึงทำให้ครอบครัวที่อยู่เมืองไทยได้อภิสิทธิ์เช่นกัน ทุกคนในครอบครัวได้ใบเขียว ได้เดินทางไปอเมริกา แถมได้สิทธิคุ้มครองพิเศษจากรัฐบาลกลางอเมริกา เพราะพวกเขาตกอยู่ในข่าย Human trafficking victims ได้รับเงินชดเชยจากบริษัทที่เป็นต้นสังกัดการจ้างงานคนละเกือบสามแสนบาท ส่วนอีกสามคนที่มาพร้อมกันแต่ว่าโดนจ้างงานนั้นก็หมดสิทธิได้ใบเขียว 

คนไทยทั้งหมดนี้โชคดีที่ได้ใบเขียว แต่ใช่ว่าจะได้ดีแบบนี้ทุกคน อย่างในกรณีที่โดนหลอกไปทำงานในฟาร์มคนไทยถูกปลดแอก แต่ถูกส่งกลับบ้าน ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะชนะคดี ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะมีโอกาสออกมาขอความช่วยเหลือ อเมริกาเป็นประเทศที่มีความเจริญจริง แต่ไม่ได้แปลว่ามันจะปราศจากคนเลว หรือคนที่ชอบหาผลประโยชน์เข้าตัว ยิ่งประเทศมีกฏหมายเข้มมากเท่าไหร่ คนโกงเหล่านี้ก็ดูเหมือนจะทำตัวให้ฉลาดเพื่อหลบกฏหมายให้พ้นมากเท่านั้น ฉะนั้นใครที่คิดจะไปค้าแรงงานที่อเมริกาต้องศึกษาข้อมูลให้ดีๆ ก่อน จะได้ไม่พลาดนะจ้ะ




อ้างอิงข้อมูลเพิ่มเติม: http://www.siamtownus.com/New-1108000075-1.aspx

Tuesday, December 23, 2014

ขอวีซ่าไปทำงานอเมริกา H-1B

ฤดูการยื่นวีซ่าทำงานอเมริกา( H1B ) กำลังเปิดรับสมัครแล้วจ้า 


มีหลายคนถามมีสว่า นอกจากล็อตโต้กรีนการ์ด มีอะไรที่จะทำให้ไปทำงานในอเมริกาได้ไหม 
แน่นอนว่ามีค่ะ วันนี้มีสเลยถือโอกาสเอามาบอกเล่าเก้าสิบกันจ้าาา 

H1B คือวีซ่าทำงาน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตรงตามที่กฎหมายกำหนด ท่านผู้อ่านอาจจะเคยได้ยินเรื่องวีซ่าทำงาน วีซ่าทำงานเป็นวีซ่าตามมาตรา 101(a)(15)(H) ของกฎหมาย Immigration & Nationality ของอเมริกาที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติที่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าทำงานในอเมริกาได้ วีซ่าทำงานมีอายุอย่างมากที่สุด 6 ปี มีบางกรณีที่อาจจะยื่นขอต่ออายุได้ บางท่านไม่ทราบว่ามีหลายๆอาชีพที่สามารถยื่นขอวีซ่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็น แม่ครัว พ่อครัว ผู้จัดการร้านอาหาร ช่างเชื่อม นางแบบ วิศวกร พยาบาลและ ผู้ที่มีความรู้เฉพาะทางด้านอื่นๆ หากท่านไม่แน่ใจว่าจะยืนเรื่องยังไง หรือคุณสมบัติท่านผ่านรึไม่ มีสก็แนะนำให้ปรึกษากับทนายที่ทำงานด้านอิมมิเกรชั่นมากประสบการณ์โดยตรงค่ะ 

โดยปกติแล้ววีซ่าประเภทนี้มีโควต้าต่อปีที่ 65,000 คนโดยที่ 6,800 ที่นั่งจะถูกกันไปให้กับคนที่มาจากประเทศชิลีและสิงคโปร์ตาม U.S.-Chile and U.S.-Singapore Free Trade Agreements (FTAs) สำหรับท่านที่มีวุฒิในระดับปริญญาโท อิมมิเกรชั่นจะยกเว้นโควต้านี้ถ้าท่านเป็นหนึ่งใน 20,000 ใบสมัครแรกที่ยื่นในปีนั้น 


ท่านสามารยื่นวีซ่าคือ วันที่ 1 เมษายน 2015 โควต้า FY 2016 ในกรณีที่โควต้าของปีนี้หมด ใบสมัครของท่านจะถูกส่งกลับและต้องรอยื่นในปีถัดไป (เมษายน 2016) การยื่นเรื่องภายในวันที่อิมมิเกรชั่นเปิดรับสมัครคือวันที่ 1 เมษายน 2015 จึงจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะโดยปกติแล้วโควต้าจะหมดภายในอาทิตย์แรกของเดือนเมษายน นอกจากนี้มีขั้นตอนหลายประการทีท่านผู้ที่อยากยื่นขอวีซ่าสมัครต้องทำ ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบวุฒิการศึกษา การขอใบรับรองการทำงานจากประเทศไทย การแปลเอกสารและอื่นๆ ดังนั้นยิ่งท่านเตรียมตัวเร็วเท่าไหร่ยิ่งเป็นการดีและทำให้ท่านมั่นใจได้ ว่าจะยื่นเรื่องทันกำหนดเวลา


** รายละเอียดของ requirement วีซ่าทำงาน




Friday, December 19, 2014

Work and Travel คุ้มจริงหรือ?

ต้องขออภัย หากโพ้สนี้เป็นที่ขัดใจของน้องๆ นักล่าฝันหลายๆ คน ที่อยากจะมาสัมผัสชีวิตในอเมริกา โดยทำงานหาเงินเอง ขณะปิดเทอม บ้างฝันว่าจะมีเงินเป็นกอบเป็นกำกลับบ้านไปอวดใคร มันเป็นสิ่งที่ดีค่ะ มีสขอสนับสนุนเด็กๆ วัยเรียนมหาลัยให้รู้จักหาเงิน และให้รู้จักใช้เงินที่ตัวเองหา เหมือนอย่างเด็กที่โตเมืองนอก ลำบากนะ แต่ว่าหากขยัน อดทน เก็บออมก็จะได้ดี 

คำถามคือ คุ้มไหมที่จะไปอเมริกาผ่านเอเจนซี่ เสียเงินเหยียบแสน แถมค่าเครื่องบินอีกหลายหมื่น ต้องขอบอกแบบนี้นะค่ะ แบบเป็นกลางๆ ถ้าอยากได้ประสบการณ์แล้วทางบ้านมีเงินมากพอ ไม่เดือดร้อนอะไร ก็ไปได้ค่ะ เพราะอะไร มาลองติดตามดู 

เมื่อต้นปี มีสได้มีโอกาสได้ต้อนรับนักศึกษาแพทย์ 3 คนจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งตอนแรกเขาทั้ง 3 คนตั้งใจจะไปอเมริกาแบบ work and travel แต่เพราะอีกสองคนนั้นสอบสัมภาษณ์ไม่่ผ่าน จึงได้เปลี่ยนมาเป็นการขอวีซ่าแบบท่องเที่ยวแทน พวกเขาโชคดี ที่หนึ่งในนักศึกษาเป็นคนที่รู้จักมักจี่กับครอบครัวมีสที่อยู่เมืองไทย เสมือนเป็นญาติกันก็ว่าได้ น้องทีได้ทำการติดต่อนั่นนี่ จนได้ไปอเมริกาสำเร็จ แต่พวกเขาไม่ใช่นักศึกษาเพียงกลุ่มเดียวที่ไปอเมริกาเพื่อทำงาน เพื่อนๆ ของพวกเขาอีกหลายคนที่ไป โดยเพื่อนสาวเหล่านั้นไปในโครงการ work and travel เอาหละค่ะมาถึงตรงนี้เราก็จะได้ทำการเปรียบเทียบกันแล้วว่า คุ้มหรือไม่ 

กลุ่มของน้องที 3 คนไปด้วยวีซ่าท่องเที่ยว ไปถึงก็ไปทำงานที่ร้านอาหารไทยที่คนรู้จักเป็นเจ้าของ ฝากให้ทำงานในครัว เป็นผู้ช่วยในครัว ซึ่งรายได้ก็ตกวันละ $65-$75 ต่อวัน รวมทิปส์ รับเงินสด งานค่อนข้างหนัก จะพูดตรงๆ ก็คือวีซ่าท่องเที่ยวไม่สามารถทำงานอะไรแบบนี้ได้อยู่แล้ว ก็ต้องรับเงินใต้โต๊ะ แต่ว่ารายได้ก็ทำเอาเด็กๆ ตื่นเต้นกันเลยทีเดียว น้องชายมีส ทำหน้าที่รับส่ง บางทีมีสกับน้องสาวก็ทำหน้าที่เป็นสารถีรับส่ง และพาเที่ยวบ้างสลับกัน กินอยู่กับที่ร้านอาหารไทย สบายๆ  ส่วนค่าเช่าบ้านก็แค่นิดหน่อย พอค่าน้ำค่าไฟเท่านั้นที่เราเรียกเก็บกับน้องๆ แต่ในขณะที่เพื่อนน้องที ที่ไปแบบวีซ่า J1 work and travel ต่างกัน

น้องเล่าว่า เข้าโครงการ work and travel เอเจนซี่ขอเกือบแสนในการเข้า และต้องผ่านสัมภาษณ์ด้วย นี่ไม่รวมค่าเครื่องบินและค่าใช้จ่ายส่วนตัวแต่อย่างใด กระบวนการคือ น้องๆ ที่ผ่านการสัมภาษณ์ จะมีคนทางฝั่งอเมริกามารับเข้าทำงาน มีที่พักที่ติดไว้ให้แล้ว แต่ว่าต้องจ่ายค่าเช่าเอง อะไรต่างๆ เอง หลังจากที่ไปถึงอเมริกาก็ใช่ว่าจะได้ทำงานได้เงินเลยทันที อย่างน้อยต้องรอ 1-2 สัปดาห์ เพื่อที่จะเข้าไปทำงาน แต่ก็อย่าลืมว่าระหว่างนั้นต้องมีค่าใช้จ่าย รวมถึงค่าเช่าบ้านด้วยนะค่ะ 
ปัญหาไม่จบแค่นั้น หากโชคร้ายงานที่ทำนั้น ไม่พอใจขึ้นมา ก็สามารถไล่เราออกได้ ในกรณีของเพื่อนของน้องทีก็เป็นเช่นนั้น เพราะไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีนัก เขาจึงไล่ออก จากนั้นก็งานเข้าอีก เพราะฝ่ายเอเจนซี่ที่ไทยต้องทำการหางานให้ใหม่ ซึ่งมันก็ต้องใช้เวลาพอสมควร สรุปคุณพ่อ คุณแม่ทางบ้านส่งเงินไปให้ เพราะค่าใช้จ่ายไม่พอ 

ถามว่า ไปได้อะไร แน่นอนได้ประสบการณ์แสนมีค่า แต่ทางที่ดี มีสอยากแนะนำว่า หากอยากได้ประสบการณ์จริงๆ ถ้ามีคนรู้จักที่อเมริกาน่าจะดีกว่า เพราะว่าเราได้ทำงานอยู่แล้ว หากไม่เกี่ยงงาน แต่เพราะภาษาเราไม่ได้ ความเสี่ยงมันมีมากกว่า จะว่าน้องๆ อ่อนต่อโลกก็คงไม่ใช่สะทีเดียว แต่กันเหนียวจะดีกว่า ไป work and travel มันไม่ได้การันตีอะไร 





Wednesday, December 17, 2014

อยากมีแฟนฝรั่ง รู้ฝรั่งรู้เรา!!


ต้องขอออกตัวแบบล้อฟรีเลยว่า ไม่ได้สนับสนุนการมีแฟนเป็นฝรั่งหรือต่างชาตินะค่ะ และไม่มีเจตนาจะบอกว่าฝรั่งไม่ดี แค่ต้องการนำเสนอข้อมูลที่เป็นจริงที่เรา ผู้หญิงควรรู้ไว้เพื่อความปลอดภัย เพราะว่าเห็นหลายๆ คนรอบข้างก็ให้เหตุผลต่อการหาแฟนเป็นฝรั่งต่างๆ นาๆ หลายคนก็บอกว่ากลัวเหมือนกันไม่ใช่ไม่กลัว แต่ทำยังไงได้ บ้างก็ว่าเจ็บจากแฟนคนไทย บ้างก็ว่าไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ เลยเป็นเหตุให้มีสกลับมาคิดไตร่ตรองอีกตลบว่า อะ ในเมื่ออยากมีแฟนเป็นฝาหรั่ง ก็จงมีแบบปลอดภัยหละกัน

 เพราะมีหลายครั้งที่สาวไทยตกเป็นเหยื่อฝรั่งโรคจิต โดนฆ่า โดนทำร้ายร่างกายบ้าง หากท่านอยากทราบเบื้องลึก เบื้องหลังของฝรั่ง ที่คุณผู้หญิงกำลังเดทด้วย โปรดอ่านทางนี้สักเล็กน้อยค่ะ อาจจะสามารถช่วยอะไรได้บ้าง 

* ต้องบอกก่อนว่า วิธีนี้มันใช้ได้เฉพาะในอเมริกาเท่านั้นนะค่ะ อาจจะใช้ไม่ได้กะทุกรัฐ เพราะบางรัฐของอเมริกาก็เข้าถึงข้อมูลได้ยาก แต่ 90% ของข้อมูลสาธารณะของอเมริกาเราเข้าถึงและเชื่อถือได้ค่ะ หรือถ้าเขาให้ข้อมูลเท็จกับคุณ ก็จะเช็คไม่ได้เช่นกันค่ะ 

อันดับแรก คุณต้องมีข้อมูลของแฟนคุณเช่น ชื่อและนามสกุลจริง และอยู่รัฐอะไร เมืองอะไร จะดีมาก จะง่ายต่อการหาข้อมูลทาง public records มากๆ ค่ะ
หลังจากที่ได้ข้อมูล เมือง และรัฐที่แฟนอยู่แล้วให้ทำการดังนี้นะค่ะ
1. ให้ search หาคำว่า criminal record ในเมืองและรัฐนั้นๆ เช่น




มันจะมีรายชื่ออารายต่างๆ ลิ้งต่างๆ ขึ้นมามากมาย แต่ให้เล็งหา ลิ้งที่ลงท้ายด้วย .gov เพราะว่าเราจะมองหา public record ของรัฐนั้น หน่วยงานของรัฐบาลอเมริกา จะมีการใช้ชื่อโดเมนที่ลงท้ายด้วย .gov ในตัวอย่างนี้ มีสกำลังหา record ของคนที่อาศัยอยู่ในเมือง Boise รัฐ Idaho ค่ะ 

เมื่อเห็นลิ้งเป้าหมายแล้ว ก็ให้คลิ๊กเลยค่ะ 



2. หลังจากที่คลิ๊กลิ้งแล้ว เราก็จะถูกนำมาที่หน้าศาลสูงของรัฐนั้น อย่าตกใจไปนะค่ะ  ข้อมูลการตัดสินคดีหรือ ประวัติอาชญากรรมของผู้คนรวมอยู่ที่ฐานข้อมูลของศาลหมดค่ะ เราไม่ได้กำลังจะทำผิดอะไร ข้อมูลเหล่านี้เราขอดูได้ 
 หน้าตาของเจ้าเว็บศาลสูงของรัฐ Idaho ก็เป็นเหมือนภาพด้านล่างนั่นหละค่ะ  ให้มองหาลิ้ง หรือหาคำว่า "Court Record Search" 


 มุมขวาสุดเห็นกันไหมค่ะ


3. หลังจากที่คลิ๊กแล้ว เราจะถูกนำมาที่หน้าแรกของการจัดเตรียมหาข้อมูล อย่ามัวเสียเวลาค่ะ ให้เล็งหา  Name search (ซึ่งเว็บของรัฐนี้หาง่าย อยู่มุมซ้ายสุดค่ะ ) 



 4. หลังจากที่คลิ๊กเข้าไปหาเคส หรือ record by name แล้ว มันก็จะเรามาหน้าที่จะให้เราใส่ชื่อ และนามสกุลของคนที่เราอยากหา มีสขอสงวนชื่อของฝรั่งผู้นี้ไว้นะค่ะ  หากเว็บไหนทำดีหน่อย ไม่เรื่องมากแค่ชื่อและนามสกุล ก็เกินพอแล้วค่ะ *แต่ว่าหลังจาก คลิ๊ก search เราอาจจะต้องกรอกรหัส เพื่อยืนยันการค้นหา แต่ไม่ยากหรอกค่ะ แค่พิมพ์และส่งไป


5. สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด หลังจากที่ใส่ชื่อบุคคลที่เราต้องการหาข้อมูลเสร็จแล้ว หากมี record การขึ้นศาล การโดนจับ คดีอะไร โดนปรับเท่าไหร่ จำคุกไหม มีบอกหมดค่ะ 




 6. หากไม่อยากอ่านรายละเอียดเคสยาว ให้เลือก "Case History without ROAs ค่ะ แล้วให้เล็งหา Degree ของเคสนี้ และวันที่ติดคุก คำว่า Degree คือระดับความรุนแรงของคดีค่ะ ในเคสนี้เป็น Misdemeanor เป็นความผิดเล็กๆ แต่ถ้า Degree เป็น Felony เมื่อไหร่ ท่านอาจจะต้องคิดให้ดีๆ คนที่ติด felony เพราะนี่คือ title ของการทำผิดค่อยข้างจะร้ายแรง คนที่ติดตัวนี้ ส่วนมากถ้าหลุดแล้วก็ดีไป อาจจะมีสิทธิ์ขอใบเขียวให้คู่สมรสได้ แต่ก็ไม่การันตีนะค่ะ  
ขออนุญาติปกปิดชื่อ และเบอร์เคสไว้นะค่ะ มันคงไม่งาม หากจะให้เขาออกสื่อ




ฝากผ่านความห่วงใยต่อผู้อ่านค่ะ จะมีคู่ มีแฟนที่ต่างชาติต่างภาษา ต้องเลือกต้องดูดีๆ นะค่ะ การที่คนเรามาจากต่างพื้นฐานกัน คนละซีกโลกยิ่งต้องระมัดระวังมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ศึกษาข้อมูลรายละเอียด ศึกษากันและกันให้ดีก่อนนะค่ะ ขอให้ทุกท่านโชคดี

Monday, December 15, 2014

เรื่องที่คุณต้องอยากรู้เกี่ยวกับอเมริกา

ขอร่ายสั้นๆ เพราะครั้งหนึ่งเราก็เคยมโนไปหลายอย่างเกี่ยวกับอเมริกา

1. อเมริกามีคนจนมากกว่าคนรวย
      หลายคนเข้าใจว่า อเมริกาคือเมืองแหล่งขุดทอง คือคนไปที่นั่นต้องรวยแน่ ไม่จริงเสมอไปนะ จริงๆ ตามสถิติ อเมริกามีคนจนมากกว่าคนรวย เพราะอเมริกาเคยเปิดเป็นประเทศโลกที่ 1 อนุญาติให้อพยพคนไปที่ประเทศตนได้ คนเหล่านี้ไปภาษาไม่ได้ และอเมริกาต้องคุ้มครองรับรองความเป็นอยู่ ก็รัฐบาลต้องช่วยเหลือ คนอพยพมีหลายชาติด้วยกัน นี่ยังไม่รวมถึงเหล่าบรรดา คนที่แอบลักลอบเข้าเมืองที่เข้าไปแล้วปั๊มลูกเพื่อขอเงินรัฐกิน ไม่รวมกะบรรดาพวกคนตกงาน บรรดาคนขี้เกียจทำมาหากิน และรวมถึงคนที่อยากจน(ทำตัวให้จน เพื่อได้เงินหลวง คือทำงานรับเงินสดอย่างเดียว)อีก คนรวยจริงๆ มีประมาณ 1% เท่านั้นเอง

2. มีอาหารไดเอท ลดแคลอรี่ให้เลือกหลายหลาก แต่คนอเมริกันกลับอ้วนติดอันดับต้นๆ ของโลก 
      ต้องยอมรับจริงๆ ว่าอาหารที่อเมริกามีให้เลือกหลายหลาก และมีตัวเลือกอาหารจำพวกแคลอรี่ตำเยอะมาก เยอะกว่าเมืองไทยหลายเท่ามาก แต่หารู้ไม่ว่าอาหารพวกนั้นหละ ทำให้อ้วนเพราะอาหารที่ผ่านกรรมวิธีมาก มันไม่ใช่อาหารจริงๆ ถ้าเทียบความอ้วนของประชากรจากแถบยุโรป ที่มีตัวเลือกอาหารจำพวกนี้น้อยมากหรือแทบหาไม่มีเลย ผู้คนเค้ากินอาหารจริงๆ ปกติ อย่างฝรั่งเศส เยอรมัน ประชากรมีโรคอ้วนน้อยกว่าอเมริกามากหลายขุม

3. Taxi ต้องโทร ไม่มีให้โบก - จะใช้บริการแท็กซี่ต้องโทรจ้า ไม่มีวิ่งไปวิ่งมาแล้วโบกรับผู้โดยสาร

4. ภาษีแพงเว่อร์ 
        ต้องบอกว่าแพงบรรลัย ภาษีเป็นเรื่องที่จริงจังมากกะคนชาตินี้ เพราะมีการเรียกเก็บภาษี มีดอกเบี้ย และค่าปรับหากไม่จ่าย มีระบบติดตามภาษีที่แบบว่า โหดไม่เกรงใจใคร ไม่ใช่โหดแบบตามจิกเหมือนพวกเจ้าหนี้นอกกฏหมายนะ แต่ว่าเป็นความไม่ปราณีเรื่องเรียกเก็บภาษีไม่ว่าคุณจะใหญ่มาจากไหนก็ต้องจ่าย ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่จะโกงจะหลบภาษีของชนชาตินี้ แม้กระทั่งติดหนี้ภาษีรัฐอยู่ไม่กี่บาท ใช่ว่ามันจะยกให้ ผ่านไปหลายปีมีดอก มีค่าปรับ ปรับไปเรื่อยๆ หลายปีเข้าก็อาจจะกลายเป็นหลายพัน หรืออาจจะถึงหลักหมื่น  เหมือนอย่างที่เป็นข่าวมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน

5. เราถูกบังคับให้อ่าน ให้รู้กฏกติกามารยาท 
        ไปอยู่อเมริกาอย่างหนึ่งที่เลี่ยงไม่ได้คือมารยาท และการทำตามกฏต่างๆ หากโดนตำรวจจับไม่ว่าจะข้อหาอะไรก็ตาม ห้ามบอกว่าไม่รู้ ให้เงียบไว้เป็นดี เพราะไม่ว่าจะอ้างว่าไม่รู้ยังไง มันไม่สนหรอกฮับ จับอย่างเดียว ทุกคนโดนบังคับให้รู้กฏหมาย

6. เพศเดียวกันแต่งงานกันได้ 
        แคลิฟอร์เนียถือว่าเป็นเจ้าแรก รัฐแรกที่ให้กฏหมายข้อนี้ผ่าน แต่กระนั้นก็ยังมีเสียงวิพากวิจารณ์ตามมา และมีการขัดแย้งมากมายด้านตัวกฏหมาย หลายปีผ่านไป กฏหมายนี้ได้ประกาศเป็นกฏหมายในหลายมลรัฐของอเมริกา แต่งงานเพศเดียวกัน และขอใบเขียวให้คู่แต่งงานเพศเดียวกันได้ น่ายินดี 

7. กฏหมายอเมริกาน่าปวดหัวที่สุด
         อเมริกามีการปกครองแบบกระจายอำนาจ ชั้นใหญ่สุดคือ Federal (เฟเดอรอล) รองลงมาคือ state (มลรัฐ), County( เขตเมือง ), City (คงจะเปรียบได้เหมือนเขตอำเภอ) กฏหมายบางกฏใช้ได้ภายในมลรัฐแต่กับ federal กลับเป็นการผิดกฏหมาย เช่น การดูดกัญชา หากตำรวจของมลรัฐเห็นจะไม่จับ แต่หากเป็นตำรวจของ federal จะจับ เพราะผิด (งงกันมั๊ย) 

8. ประธานาธิบดีสหรัฐไม่ใช่ผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศ
          จริงตามนั้น เขาเป็นผู้บริการสูงสุดของประเทศ แต่ไม่ได้มีอำนาจสูงสุด เพราะอเมริกามีระบบ check and balance คือการถ่วงดุลอำนาจ จากสภากลางหรือคองเกรสและศาลสูงยุติธรรมของอเมริกา คอยถ่วงอำนาจกันและกันอยู่ 

9. ไม่มีเด็กปั๊ม ยกเว้นรัฐนิวเจอร์ซี่กับโอเรกอน
       เด็กปั๊มไม่มีในหลายๆ รัฐ ยกเว้นสองรัฐที่กฏหมายห้ามให้คนเติมน้ำมันเอง คือนิวเจอร์ซี่กับโอเรกอน แปลว่า ไม่ว่าจะอากาศหนาวติดลบ หิมะตกหนาเป็นศอก ท่านก็ต้องทำการเติมน้ำมันเองเป็นแบบ self-service!!

10. อเมริกาไม่ได้มีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง
       เนื่องด้วยเป็นประเทศที่รวมอารยธรรมจากหลายชนชาติ จึงไม่มีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง แต่ก็มีระเบียบของสังคมที่ปฏิบัติต่อๆ กันมาที่เรียกว่า มารยาท และจิตสำนึกสาธารณะที่ดี จึงทำให้ประเทศนี้เป็นประเทศที่ระเบียบทางสังคมค่อยข้างสูง แต่อาจจะไม่สูงเท่าประเทศที่เป็นผู้ดีเก่าอย่างอังกฤษ

11. คนอเมริกันทำงานหนักมาก คุณภาพชีวิตไม่ดีเท่าประชากรในประเทศแถบยุโรป
      โดยเฉพาะคนเอเชียที่ย้ายตัวเองไปอยู่ในอเมริกา ทำงานเป็นเสมือนแรงงานทาสเพราะพูดภาษาไม่ได้ บางคนทำงานเจ็ดวัน ทุกๆวันไม่วันหยุด เมื่อเทียบคุณภาพชีวิตของผู้คนในแถบยุโรปแล้ว ชาวอเมริกันแย่กว่ามาก มีวันหยุดน้อยกว่า สวัสดิการน้อยกว่า ทางยุโรปผู้หญิงที่คลอดลูกนั้น รัฐเสนอความช่วยเหลือให้ แม้กระทั่งค่าเช่าบ้าน ให้อยู่กับลูกเลี้ยงลูกไปเป็นปี แต่อเมริกาให้ลาคลอดได้ 3 เดือน และไม่ได้ช่วยเหลือด้านใด

12. มีชาวไทย และร้านอาหารไทยเยอะมาก
         เป็นที่น่าแปลกใจมากที่มีชาวไทยย้ายตัวเองไปอยู่อเมริกาเยอะ ร้านอาหารไทยก็เยอะตาม เพราะมันเป็นเหมือนโลโก้ของคนไทยในอเมริกาไปแล้ว อย่างเมืองที่มีสอยู่ มีร้านอาหารไทยถึง 74 ร้าน ในเมืองและรอบเมือง เยอะมั๊ยละ และที่น่าตกใจกว่าคือ มีคนไทยยอมเป็นโรบินฮู้ด หรืออยู่แบบผิดกฏหมายเยอะมากเช่นกัน

13. เมาแล้วขับ ถือเป็นความผิดอาญาร้ายแรง
        หากเมาแล้วขับที่อเมริกา อาจจะถึงขั้นหมดอนาคต อันนี้เรื่องจริง เมื่อโดนจับได้ตอนเมา ณ ขณะปัจจุบันกฏหมายเรื่องนี้แรงมาก ท่านที่เมาแล้วข้บจะโดน DUI และเป็น Felony ตัวนี้ตามความหมายและไทเทิ้ลของมันมีความหมายเทียบเท่าความผิดอาญาร้ายแรง จะโดนยึดใบขับขี่ ถ้าเมาเกินกำหนดมาก อาจจะยึดหลายเดือน ค่าปรับนั้นไม่ต้องห่วง เกือบๆ สองแสนในการประกันตัว ออกจากคุก แถมหากที่ทำงานท่านจำเป็นต้องขับรถ ท่านอาจจะโดนปฏิเสธงานหรือโดนไล่ออก อะไรที่ตามมาอีก ค่าประกันรถแพงบรรลัยอีก ไม่คุ้มที่จะเมา

14. ห้ามดืมเครื่องดืมแอลกอฮอร์นอกสถานที่ 
       มีอยู่ที่เดียวที่ถือขวดเหล้า เบียร์ออกมาจากร้านหรือบ้านได้คือ Las Vegas ในย่านเมือง ไม่ทราบว่าปัจจุบันกฏหมายเปลี่ยนแปลงหรือไม่ นอกนั้นทุกที่ทำไม่ได้ จะโดนจับทันทีหากตำรวจเห็น ไม่เว้นแม้แต่สถานที่ที่ท่านไปปิ๊กนิ๊ก

15. จะตกปลาต้องขอใบอนุญาติ
        เป็นเรื่องจริงที่หากบุคคลธรรมดาจะตกปลา หรือจับปู จับหอยต้องมีใบอนุญาติ และต้องทำตามกฏคือ จะต้องไม่จับปลาเกินที่เขากำหนด ขนาดปลาต้องได้ตามที่กฏระบุ ไม่งั้นโดนจับ จะมีคนคอยเช็คอยู่ตลอด เวลาท่านไปตกปลา พวกเจ้าหน้าที่ทางน้ำเขาเข้มงวด เคยมีเพื่อนของเพื่อนเอาลูกปลาซาลม่อนไปล่อตกปลาสะเตอร์เจ้น(ปลาที่เขาเอาไข่ไปทำไข่ปลาคาเวียร์) อันนี้เป็นข้อห้าม เขาเอาลูกปลาทิ้งน้ำไม่ทัน โดนปรับไปตามตัว แถมต้องไปขึ้นศาลอีก โดนปรับไปเกือบสองพันเหรียญ (โหดได้อีก)

วันนี้ขอยกมาพอเป็นสังเขปก่อน เอาไว้งวดหน้ามีสจะจัดเต็มค่ะ มีอีกหลายอย่างที่น่าทึ่งและน่าอึ้งในอเมริกา หากท่านไหนที่อ่านแล้วชอบ ขอแค่คอมเม้นเป็นกำลังใจก็พอค่ะ

Friday, December 12, 2014

มีใบเขียวแต่อยู่นอกประเทศอเมริการเกินกำหนด จะเป็นอย่างไร

เราอยู่เมืองไทยเกิน 6 เดือน จะถือว่าเสียสละใบเขียวอเมริกาหรือไม่? 


* มีข้อยกเว้นไม่กี่ข้อ ที่ผู้ถือกรีนการ์ดหรือใบเขียวจะสามารถอยู่นอกประเทศได้ถึง 6 เดือน เช่น สมาชิกภายในครอบครัวป่วย เรียน ทำงานต่างประเทศ หรือการทำธุระกิจ
แน่นอนว่าเมื่อ ท่านอยู่เกิน 6 เดือน แต่ไม่เกิน 1 ปี โดยไม่ขอยื่นเอกสารขออนุญาติก่อนล่วงหน้า เมื่อเดินทางเข้าอเมริกาอีกครั้งต้องโดน CBP ( U.S Customs and Border Protection officer ) ถามที่สนามบินแน่นอน เช่นว่า
  • ไปอยู่ที่ไหนมา (ประเทศอะไร) 
  • นานแค่ไหน
  • แล้วไปทำอะไร
  • ทำไมเพิ่งกลับเข้าอเมริกาตอนนี้
  •  และอะไรที่ทำให้คุณกลับเข้าอเมริกาอีก 
CBP นั้น สามารถดูบันทึกการเข้าออกประเทศของทุกคนได้ หากตรวจสอบดูแล้ว บ่งชี้ว่าผู้ถือกรีนการ์ดไม่ได้มีการขอใบอนุญาติ reentry permit (Form I-131) ไว้ แปลว่าท่านจงใจสละสิทธิ์การเป็นผู้ถือครองกรีนการ์ด อาจจะถูกส่งตัวไปยังศาล Immigration court เพื่อตัดสินว่า สถานะผู้ถือครองกรีนการ์ดได้หมดลงแล้วหรือยัง 

** แต่หากผู้ถือกรีนการ์ด (LPR) อยู่นอกประเทศเกิน 1 ปีขึ้นไป แปลว่าสถานะกรีนการ์ดของท่านได้ขาดลงแล้ว ไม่สามารถใช้เข้าอเมริกาได้อีก หากเป็นกรณีนี้ท่านต้องติดต่อทางสถานฑูตอเมริกาเพื่อส่งคืนใบเขียวค่ะ  และถ้าอยากเดินทางเข้าอเมริกาอีกครั้ง ก็ต้องไปผ่านกระบวนการยื่นขอวีซ่าชั่วคราวค่ะ 

หากใครที่ได้กรีนการ์ดแล้ว อยากจะอยู่นอกอเมริกานานๆ ก่อนออกนอกประเทศอเมริกา ต้องกรอกฟอร์ม I-131 หรือ ฟอร์ม Reentry permit  ใบอนุญาตินี้ไม่สามารถกรอกนอกประเทศได้ เขาบังคับให้กรอกก่อนออกเดินทางนอกประเทศอย่างน้อย 60 วันก่อนวันเดินทางเท่านั้นนะค่ะ  ฟอร์มนี้เมื่อ approved แล้วผู้ถือกรีนการ์ดสามารถอาศัยอยู่นอกประเทศสหรัฐได้ไม่เกิน 2 ปี ค่ะ

สามารถหาฟอร์มตัวนี้ได้ที่เว็บไซด์ www.uscis.gov >> Application for travel document นะค่ะ 

** มีสแนะนำเลยค่ะว่าควรจะทำไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง ดีไม่ดีหากใครที่ได้แล้วมีบุตร เมื่อท่านเป็น ซิติเซ่นแล้ว ลูกของท่านจะได้รับสิทธินั้นไปด้วย อย่าทิ้งเลยค่ะ เพราะหลายคนที่ดิ้นรนอยากได้ ก็ไม่ได้ ส่วนคนที่ได้แล้วก็ควรจะเห็นค่าของกรีนการ์ดนะค่ะ หากศึกษาดูดีๆแล้ว จะพบว่ามีไว้มีประโยชน์มากกว่าค่ะ 
  






Friday, October 31, 2014

เป็นโรบินฮู้ดสมัคร Lotto ใบเขียวได้หรือไม่

ก่อนจะไปสู่เนื้อหาขอแว๊บมาเตือนทุกท่านก่อน เพราะใกล้หมดเขตแล้วนะจ้ะ Diversity Visa หรือ ล็อตโต้ใบเขียว 


สำหรับ DV-2016 ต้องส่งใบสมัครออนไลน์ที่ www.dvlottery.state.gov ระหว่างเที่ยงวันพุธ ที่ 1 ตุลาคม 2557 ตามเวลา Eastern time ( จะเป็นวันที่ 2 ตุลาคม ช่วงประมาณเวลาตีหนึ่งของบ้านเรา ถ้ามีสไม่ตกเลขนะ) ไปจนถึง เที่ยงวันของวันที่ 3 พฤศจิกายน 2557 

โค้งสุดท้ายจริงๆ แล้วจ้า ... ลองเสี่ยงดูก็ไม่เสียหายนะ ดีกว่าเล่นหวย 

ปุจฉา : เป็นโรบินฮู้ด หรือ วีซ่าของเราขาดแล้วจะสมัครล็อตโต้ใบเขียวได้หรือไม่ ? 
วิสัจฉนา: ถ้าถามว่าสมัครได้ไหม ... ตอบได้เลยว่า "ได้" ไม่มีกฏข้อไหนห้าม แต่..สิ่งที่ต้องห่วง และต้องคิดอย่างหนักคือ จะว่าไปมันเหมือนเป็นกับดักของโรบินฮู้ดมากกว่าแบบนี้ จำได้ Miss เคยบอกไปแล้ว เมื่อตอนที่มีคนถามเกี่ยวกับถ้าอยู่เกินแล้วจะสมัครได้หรือไม่ กรณีเดียวกันค่ะ คือในเมื่อคุณได้ทำผิดกฏหมายคนเข้าเมืองไปแล้ว คุณต้องรับโทษ มีทางเดียวที่คุณจะได้รับการอภัยคือต้องแต่งงานกับพลเมืองซิติเซ่นเท่านั้นค่ะ **ยกเว้นในกรณีที่ขอวีซ่าคู่หมั้น แต่คู่หมั้นไม่ยอมแต่งงานให้ ในกรณีนี้ต้องออกนอกอเมริกาก่อนถึงจะแต่งงานกับซิติเซ่นคนใหม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็โดนจับส่งกลับและเรื่องราวก็จะซับซ้อนกว่าเก่าค่ะ 

ขอให้ทุกคนโชคดีในโค้งสุดท้ายนี้นะค่ะ Miss เป็นกำลังใจให้ค่ะ 



Tuesday, October 14, 2014

สถิติคนไทยที่ได้ล็อตโต้กรีนการ์ดหรือ Diversity Visa ของอเมริกา สล็อตปี 2015

สถิติคนไทยที่ได้ล็อตโต้กรีนการ์ดของอเมริกาปี  2015 

ข้อมูลจากทางรัฐบาลกลางสหรัฐแสดงข้อมูลล็อตโต้ใบเขียว Slot ปี 2015 
สามารถเช็คแหล่งที่มาของข้อมูลด้านล่างที่ได้ที่ลิ้งนี้ค่ะ DV 2015 - Selected Entrants 
ยินดีกับผู้ที่ได้รับเลือกและขอเป็นกำลังใจให้ผู้สมัคร Lotto green card ในปี 2016 ด้วยค่ะ

 

 


Thursday, October 2, 2014

มาแล้วจ้า ขั้นตอนการสมัคร DV-2016 Lotto green card

ขอแจ้งข่าวดีอีกรอบค่ะ สำหรับท่านที่กำลังรอ DV-2016

เปิดรับสมัครแล้วนะค่ะ ตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมาสำหรับ DV-2016 หรือ ล็อตโต้กรีนการ์ด ขั้นตอนการสมัครที่แปลเป็นไทยแล้วก็ให้กดลิ้งนี้ค่ะ DV-2016 Lotto green card instruction สำหรับท่านที่มาใหม่ ยังไม่ทราบว่ากรีนการ์ดหรือใบเขียวคืออะไร แต่อยากไปอเมริกา มีสแนะนำให้อ่านโพ้สอื่นๆ เพื่อหาข้อมูลก่อนนะค่ะ


วันเปิดรับสมัคร
สำหรับ DV-2016 ต้องส่งใบสมัครออนไลน์ที่ www.dvlottery.state.gov ระหว่างเที่ยงวันพุธ ที่ 1 ตุลาคม 2557 ตามเวลา Eastern time ไปจนถึง เที่ยงวันของวันที่ 3 พฤศจิกายน 2557  
คำเตือน: อย่ารอสมัครในอาทิตย์สุดท้ายเพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีการเข้าสมัครมากที่ สุด อาจจะส่งผลให้มีข้อผิดพลาดเพราะเซิร์ฟเวอร์ทำงานล่าช้าได้นะคะ ไม่มีการรับสมัครหรือการรับเอกสารการสมัครหลังจากวันที่ที่ระบุไว้ข้างต้น และกฏหมายอเมริกาอนุญาติให้สมัครเพียงครั้งเดียวต่อคน ต่อปี หากบุคคลใดทำการสมัครมากกว่า  1 จะโดนตัดสิทธ์ทันทีค่ะ
รายละเอียดขั้นตอนการสมัครแปลเป็นภาษาไทยแล้วกดที่นี่เลยค่ะ ขั้นตอนการสมัคร DV-2016

Saturday, September 27, 2014

ข่าว Lottery Green Card หรือ Diversity Visa 2016

ขอแจ้งข่าวดีสำหรับท่านที่กำลังรอ DV-Visa 2016 ค่ะ 

ได้เวลาลุ้นกันอีกแล้ว บอกได้เลยงานนี้ดีกว่าซื้อหวย เพราะมันสมัครฟรีค่ะ นอกจากค่าถ่ายรูปที่ต้องส่งไปแล้วนอกนั้นฟรีอย่างแน่นอน หากท่านใด หรือใครบอกคุณว่าต้องเสียค่าธรรมเนียมในการสมัคร รัฐบาลอเมริกา ถือว่านั่นคือการหลอกลวงค่ะ  ขออนุญาติ Capture คำพูดภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการมาแปะไว้ให้พอรู้คร่าวๆ ก่อนว่า ส่วนวิธีการสมัครพร้อมแปะภาษาไทย มีสกำลังทำการแปลอย่างเร่งด่วนให้โพ้สให้ในเร็ววันค่ะ


วันเปิดรับสมัคร
สำหรับ DV-2016 ต้องส่งใบสมัครออนไลน์ที่ www.dvlottery.state.gov ระหว่างเที่ยงวันพุธ ที่ 1 ตุลาคม 2557 ตามเวลา Eastern time ( จะเป็นวันที่ 2 ตุลาคม ช่วงประมาณเวลาตีหนึ่งของบ้านเรา ถ้ามีสไม่ตกเลขนะ) ไปจนถึง เที่ยงวันของวันที่ 3 พฤศจิกายน 2557  คำเตือน: อย่ารอสมัครในอาทิตย์สุดท้ายเพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีการเข้าสมัครมากที่สุด อาจจะส่งผลให้มีข้อผิดพลาดเพราะเซิร์ฟเวอร์ทำงานล่าช้าได้นะคะ ไม่มีการรับสมัครหรือการรับเอกสารการสมัครหลังจากวันที่ที่ระบุไว้ข้างต้น และกฏหมายอเมริกาอนุญาติให้สมัครเพียงครั้งเดียวต่อคน ต่อปี หากบุคคลใดทำการสมัครมากกว่า  1 จะโดนตัดสิทธ์ทันทีค่ะ
อดใจรออีกนิดนะค่ะ  รายละเอียดการสมัครกำลังมาค่ะ โปรดติดตามตอนต่อไป


Entry period 
Entries for the DV-2016 DV program must be submitted electronically at www.dvlottery.state.gov between noon, Eastern Daylight Time (EDT) (GMT-4), Wednesday, October 1, 2014, and noon, Eastern Standard Time (EST) (GMT-5), Monday, November 3, 2014. Do not wait until the last week of the registration period to enter, as heavy demand may result in website delays. No late entries or paper entries will be accepted. The law allows only one entry by or for each person during each registration period. The Department of State uses sophisticated technology to detect multiple entries. Individuals with more than one entry will be disqualified. 



Tuesday, September 9, 2014

ถ้าวีซ่าขาดจะสมัคร Lotto green card ได้หรือไม่

ก่อนอื่นก็ต้องขออภัยอย่างมากมายเลยค่ะ ที่ไม่ได้อัพข้อมูลดีๆมานานมาก ติดภาระกิจอันยิ่งใหญ่และหนักหน่วง จนทำให้มีมือดี ที่นิสัยไม่ค่อยดีมา posted links เว็บโป๊ะ ต่างๆ นาๆ อันนี้มีสก็ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงด้วยนะค่ะ 

ในช่วงที่หายไป มีคนส่งอีเมลล์ไปถามกันมากเลยค่ะ เรื่องการสมัคร Lottery green card แต่ว่าสถานะของวีซ่าที่เข้าอเมริการมาขาด จะสมัครได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้แล้วจะอย่างไร ถ้าถามว่าสมัครได้ไหม คำตอบคือ สมัครได้ค่ะ เพราะไม่มีข้อบัง หรือกฏที่ว่าถ้า visa ขาดแล้วห้ามสมัคร แต่มันก็มีนัยยะสำคัญอยู่นะค่ะ ที่ตอบว่าได้เนี่ย สิ่งที่คุณควรคำนึงถึง เมื่อวีซ่าขาดแล้วอยู่เกิน ไม่ใช่การสมัคร Lotto ใบเขียวได้หรือไม่ได้ ที่ต้องกังวลคือ ถ้าเกิด คุณ win lottery green card แล้ว มันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นต่างหากค่ะ 

มาวิเคราะห์กันตามจริงก่อนนะค่ะ
      อย่างแรก ต้องเข้าใจก่อนว่า ถ้าวีซ่าของคุณขาด และคุณ overstayed แล้ว นั่นคือการทำผิดกฏหมายคนเข้าเมืองไปแล้วค่ะ และโทษที่เขาวางไว้ก็จะมีบังคับใช้เช่นกัน มีสิทธิ์โดนเนรเทศตาม Consequences of Unlawful Presence in the U.S.:Three-and Ten-Year Time Bars เช่น ถ้าอยู่ไม่เกิน 1 ก็จะโดนเนรเทศไม่กี่ปี (คือห้ามเข้าประเทศอเมริกา)  แต่ถ้าอยู่เกิน 1 ปี ขึ้นไปก็จะโดนเนรเทศ 10 ปีค่ะ แน่นอนค่ะว่า ถ้าคุณได้ใบเขียวจากการสมัคร lottery green card คุณต้องโดนเนรเทศก่อน เพราะคุณไม่ใช่ Citizen ได้แค่กรีนการ์ด คงเคยได้ยินเสียงเล่าลือเสียงเล่าอ้างกันเรื่องที่ว่า หากสถานะขาดแต่งงานกับใบเขียวก็โดนเนรเทศอยู่ดี ใช่ไหมค่ะ ใบเขียวไม่สามารถยกเว้นโทษเนรเทศให้คุณได้ แต่ถ้าอยากอยู่ต่อ จะได้รับการอภัยโทษในกรณีเดียว คือ ต้องเป็น immediate relative กับ American citizen เท่านั้น ยกเว้นคนที่ทำผิดกฏหมายร้ายแรง หรือคนที่แต่งงานกับอเมริกันซิติเซ่น แต่ทำผิดกฏวีซ่าคู่หมั้นถึงจะไม่รับการอภัยโทษ
       แต่ก็มีกรณีที่ อยู่เป็นโรบินฮู้ด ทั้งพ่อ แม่ แต่ว่า มีลูกซึ่งเกิดในอเมริกา ถือว่าเป็น American citizen นี่จัดว่าเป็น immediate relative กับตัวพ่อแม่ ถ้าเป็นเช่นนั้น ในกรณีที่คุณ พ่อ แม่ โดนเนรเทศ อาจจะขอสิทธิ์ ขอ waiver การถูกเนรเทศได้เนื่องจากลูกยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ว่าอาจจะต้องรอเป็นสิบปีกว่าจะได้ใบเขียว
       แต่อย่างไรก็ตาม มันแล้วแต่สถานะการณ์ของแต่ละคนไปนะค่ะ ทางที่ดี มีสขอแนะนำให้ปรึกษากับทนายที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านกฏหมายคนเข้าเมืองโดยตรงดีกว่า ปรึกษาอย่างมีสตินะค่ะ เพราะบางทีทนายหลายคนก็บอกความจริง หรือข้อเท็จจริงแบบไม่หมดเปลือก จะด้วยเหตุผลใดๆ ไม่ทราบ ถ้าจะให้ดีควรจะปรึกษากับสามคนเป็นอย่างน้อย ถ้าเขาพูดมาเป็นเสียงเดียวกันสัก สองในสาม ก็ถือว่าข้อมูลใช้อ้างอิงได้


    


Monday, July 14, 2014

ระวังฝรั่งเก๊ หลอกตีสนิทหวังเงิน

ต้องขออภัยที่ห่างหายจากการนำเรื่องราวดีๆ มานำเสนอไปนาน เพราะติดภาระกิจหลายอย่าง แต่กลับมาคราวนี้ กลับมาเพราะใจรัก และก็ไม่ผิดหวังค่ะ เพราะมีมีเรื่องราวดีๆ เรื่องเป็นประโยชน์มาฝากเช่นเคย 

หลายคนคงเคยได้ยินข่าว หรืออ่านตามโพ้สอื่นมาบ้างเรื่องมีชาวต่างชาติ ที่ไม่ใช่ฝรั่ง อังกฤษหรือ อเมริกันมาหลอกคุยให้ความหวังสาวไทย สุดท้ายจบด้วยการหลอกเงิน สาวๆ หลายคนถึงขั้นฝันสลายกันเลยทีเดียว
        เรื่องราวต่อไปนี้ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา แบบสดๆ ร้อนๆ รูปภาพที่นำมาประกอบเรื่องราวคือรูปจากการแค๊บเช่อร์บทสนทนาจริงระหว่างมิจฉาชีพ กับ มีสเองค่ะ 
         เรื่องก็มีอยู่ว่า คนที่เรารู้จักท่านหนึ่งเป็นผู้หญิงค่ะ เพื่อความสะดวกมีสขอเรียกว่า นางซี ก็แล้วกันนะค่ะ นางซี ได้รับแอ็ดบนเฟสบุ๊ค ดูจากรูปโปรไฟล์แล้ว ผู้ชายคนนี้ ขอเรียกว่า นายเค ก็แล้วกัน หน้าตาดีนะ จัดว่าอยู่ในขั้นดูดีมีชาติตระกูล แบ็คกราวน์ที่ลงไว้ในเฟสคือ ชายคนนี้บอกว่าเป็นคนอังกฤษ แล้วก็ทำการจีบ เห็นแล้วหลงรักเลย จะแต่งงานด้วย ชอบคุณมากมาย ทำเอานางซีเคลิ้มจนลืมความเป็นจริงไปเลย หนำซ้ำ นายเค คนนี้ ก็บอกว่า ตอนนี้มีโปรเจ๊คจะไปเมืองไทย ต้องทำเมกะโปรเจ็ค ถ้าไปเมืองไทยจะไปหาพ่อ แม่คุณ เสร็จงานนี้แล้วจะไปหาคุณที่อเมริกา จะไปซื้อบ้านที่โน่นให้คุณอยู่ แน่นอนว่า  สาวเจ้าก็แชร์กะคนรอบข้างว่านางเจอผู้ชายหน้าตาดี มีฐานะมาจีบ หวังแต่งงาน แต่งการลงหลักปักฐาน จะซื้อบ้านให้ จะลงทุนธุระกิจให้ ทุกอย่างจัดให้ได้ง่าย มีสก็งงหละ มันจะง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ เราก็ขอดูหน้าตา เอาตามจริงมีสว่ามันแปลกๆ เพราะฝรั่งเขาจะไม่พูดเรื่องแต่งงานไปเจอพ่อ แม่ฝ่ายหญิงถ้าฝ่ายหญิงและชายไม่ได้เจอกันก่อน ฝรั่งมีมารยาทนะ โดยเฉพาะผู้ดีอังกฤษเนี่ย เราเอะใจแล้วว่านางซี ต้องโดนหลอกแน่ ด้วยความหวังดีก็เตือนไปตามประสา
         ต่อมความสงสัยทำงานทันที จำได้เลาๆ ว่ามีผู้ชายอีกคนที่แอดมีสบนเฟสบุ๊คมาได้สักพักหละ มีสเอะใจเลยไปเช็คดู คือแบ็คกราวน์มาจากที่เดียวกัน เกิดที่เมืองลิเวอร์พูล แล้วใช้ชีวิตอยู่ที่แมนเชสเตอร์ จบมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ปกติมีสจะไม่รับแอ็ด คนที่ไม่รู้จัก ไม่รับสุ่มๆ ทุกคนบนเฟสมีสรู้จัก แต่รายนี้ยกไว้ด้วยความอยากรู้ และอยากหาคำตอบว่า มันเป็นพวกเดียวกันรึเปล่า
         พอรับปุ๊บ คำเฉลยมาทันที คิดอยู่แล้วเมื่อรับปุ๊บมันต้องทักมาแน่ๆ เพราะพวกนี้หากินเป็นกระบวนการ แบบแก๊งค์เลย โดยไม่ต้องต้องคิดอะไรมาก รู้ทันทีว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนที่เรียนมหาลัยยากอย่าง oxford แน่ และยิ่งไม่ใช่คนอังกฤษ ดูจากการเรียงคำพูดคำจาแล้ว ให้อมพระประธาน หรือโบสถ์มาทั้งวัด เราก็ไม่อาจจะทำใจเชื่อได้ เพราะดูจากการใช้ภาษาอังกฤษก็รู้ ก็ในเมื่อเราโตที่อเมริกา รูปที่เอามาโพ้สไว้คือความจริงทุกประการ ถามเหมือนเราเป็นผู้หญิงหากิน มาปุ๊บจะขอดูรูป ขออายุ ถามว่าทำงานอะไร ยังไง อยู่ที่ไหน ตอนแรกมีสก็ปรี๊ดเลยนะ เพราะคำถามเหล่านี้คือคำถามที่ตามมารยาทแล้วไม่ควรถาม ฝรั่งเขาถือมากนะ แต่คิดๆ แล้วก็ตลกดี มีสก็แกล้งหลอกเอาไว้ คุยไปเรื่อยๆ รู้ชัดเจนเกิน 100% ว่ายังไงก็ไม่ใช่
         พอไอ้นักตุ้มตุ๋นฝรั่งปลอมคนนี้ รู้ว่าแผน A ที่จะหลอกเงินมีสไม่ได้ผล มันก็เริ่มแผน B คือแกล้งตีเนียน ทำเป็นว่าเข้าใจผิดคิดว่ามีสเป็นคนเดียวกะแฟนของนายเค คือนึกว่ามีสเป็นนาง ซี ...มีสก็อ๋อ นึกในใจ นี่เล่นแกล้งตีเนียน ไม่ดูหนังหน้าฉันหรือ ว่าไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักนิด ...ไอ้นักต้มตุ๋นรายนี้ ก็พูดต่อว่า เนี่ยเขาเป็นเพื่อนสนิทกับนายเค ทำงานที่ออฟฟิศเดียวกัน นายเครักคุณมากโน่นนี่ คงจะกะว่าให้เราไปบอกนางซีให้ว่าเขารักเธอมากนะ เพราะกลัวไม่เนียน ยังไงๆ มีสก็ไม่เล่นด้วย ไม่ว่าจะมาไม้ไหนก็โดนด่า แต่ก็ด้วยความที่มีความสามารถทางภาษาเพียงเล็กน้อย ไอ้ฝรั่งเก๊คนนี้เลยพูดได้ งูๆ ปลาๆ ณ จุดจุดนี้ มีสมั่นใจล้านเปอร์เซ็นว่า นางซีโดนหลอกแน่ๆ
        แต่คุณก็รู้นิสัยคนเรา เมื่อได้เชื่ออะไรแล้วก็เลิกยาก นางบอกว่านางให้พระสงฆ์องคเจ้าเช็คแล้วจากวันเดือนปีเกิด คนเนี้ยมีทรัพย์ รักจริง พูดแล้วทำจริง แต่เราก็เตือนไปว่า ของพวกนี้มันหลอกได้ เราไม่เห็นบัตรจำตัวเขา ไม่เห็นเอกสารสำคัญเขา แม้แต่มีสเองถ้าชอบดาราคนไหน ก็ยังวันเกิดของดาราคนนั้นที่เป็นไอดอลมาลงเป็นวันเกิดตัวเองบนหน้าเฟสบุ๊ค ยังได้เลย จะเชื่ออะไรได้ เชื่อมีสเหอะ มีสทำงานด้านคอม มีสรู้ว่ามากกว่านี้ก็ทำได้ ให้ได้เห็นเงินเขาก่อนค่อยว่าเขามีตังค์ .... เดี๋ยวมันจะขอตังค์บอกว่า ขาดโน่นนี่ นางซีนั้นก็ยังยืนกรานว่าเขารักจริงหวังแต่ง ไม่มีพฤติกรรอย่างนั้น ...  ใช่ค่ะ ตอนแรกไม่ พอเห็นว่าผู้หญิงติดบ่วง มันค่อยเริ่มขอเงิน


นี่คือประโยคสนทนาในวันแรก ที่มีสคุยกับฝรั่งเก๊ค่ะ
ถ้าใครภาษาอังกฤษดี จะบอกได้ทันทีว่า ผู้ชายคนนี้ ไม่ใช่คนอังกฤษแน่ ...มันเล่นโจทย์ยากเลยนะ บอกจบ Oxford แต่ตีบทไม่แตก เลยโดยจับได้ดังกล่าว มีสถามเลย ว่ายูคนอังกฤษแน่หรือ ทำไมประโยคคำพูด ไม่ใช่นะ คือเราสกัดมันทุกทาง ก็ภาษาอังกฤษพูดวกวน เรียงรูปประโยคไม่ถูก มารยาทการทักทายก็ไม่ใช่แล้ว

จนแล้วจนรอด นางซีก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี มีสเลยตัดสินใจ คุยกะฝรั่งเก๊คนนั้นอีกครั้ง คราวนี้มีสเตือนมันก่อนว่า อะไรที่พวกยูทำหยุดสะ มันไม่่ดี ....มันเงียบไปพักหนึ่ง แล้วก็หาเรื่องมากุว่า เนี่ยมีคนปลอมมาเป็นคนหลายๆ คนใน UK เพื่อหวังหลอกเงิน พอมีสไม่เล่นตาม แล้วบอกว่า ยูก็ต้มตุ๋นเหมือนกัน อย่าว่าแต่คนอื่น ...เท่านั้นหละ มันเริ่มสติแตก เริ่มกวนประสาท ภาษาก็บ้าๆ บอๆ ภาษาอังกฤษแบบมั่วขอไปที มากวนประสาทมีสต่างๆ นาๆ สุดท้ายมีสเลยงัดไม้เด็ด ไม่โมโห สนุกดี ปล่อยให้มันพร่ามไป และสุดท้ายมีสก็บอกไปว่า "ขอบคุณที่คุยด้วยนะ ทำให้ฉันมีโอกาสแกะรอยนาย ตอนนี้รู้แล้วว่านายอยู่ที่ไหน" ....เท่านั้นหละค่ะ คุณฝรั่งเก๊ ก็เผ่นแน๊บ ลบเฟสตัวเองหายเข้ากลีบเมฆไปเลย หายไปทั้งไอ้คนที่คุยกับมีส และนายเค ...แหม ว่าจะกอดคอตีเข่าซักหน่อย




มีสก็โทรสายตรงไปหานางซีทันที บอกนาง คราวนี้นางไม่โกรธ เราเลยถามว่า เกิดอะไรขึ้น นางเลยบอกว่า ไอ้คนที่คุยด้วย มันถามจะเอาเงินถึง $50,000 บอกว่าโปรเจ็คที่เปิดที่ไทยเงินไม่พอ โน่นนี่ต้องการเงินด่วน ... แต่โชคยังดีที่นางซียังมีสติ นางเลยไหวตัวทัน
ถึงตรงนี้แล้ว หลายคนก็คงจะสงสัย ก็นางซี อยู่อเมริกาสนิทกับมีสไม่ใช่เหรอ ทำไมนางจึงตกหลุมพราง คำตอบง่ายๆ คือ ความอยากได้ความสบายทำให้ลืมไป อีกทั้งเป็นเพราะนางภาษาอังกฤษไม่ได้แข็งแรง เลยตกเป็นเหยื่อ คุณคิดดูเอาว่า ถ้าหากคนที่มีสามี มีลูก แล้วอยากสบาย อยากไปแสวงหาสิ่งใหม่ แต่ดันไปเจอพวกนี้เข้า จะเป็นยัง ถึงตรงนี้มีสรุปให้ได้เลยว่า พวกแก็งค์ฝรั่งเก๊นี้ จะเล็งเป้าหมายหลักๆ ที่
1. ผู้หญิงที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษ 
2. ผู้หญิงแต่งตัวดูดี ดูมีฐานะ
3. คนที่ไม่รู้เรื่องเทคโนโลยี

พวกนี้จะเอาภาพที่เป็นภาพใครไม่รู้มาลงเป็นภาพโปรไฟล์ของตน อาจจะเป็นภาพถ่ายจากมือโปรที่เขาเอามาขายตามเว็บไซด์ หรืออะไรก็แล้วแต่ แล้วก็บอกว่าตัวเองทำอาชีพรวยๆ อย่างรายนี้ นายเค นี่ก็บอกทำงานเกี่ยวกับปริโตเลี่ยมเป็นที่ปรึกษา ที่เงินเดือนสูงลิบ ทำโปรเจคทีได้เงินเป็นหลายสิบล้าน สำหรับคนที่ไม่รู้ก็จะคิดไปว่า น่าเชื่อถือ เราไม่อยากคิดนะ ว่าจะมีคนอีกสักกี่คนตกเป็นเหยื่อ แถมกฏหมายไทยและกฏหมายของอเมริกาไปไม่ถึง กว่าจะตามจับมันได้ คงอีกหลายเดือน มีสเลยได้แต่นำมาแชร์และเตือนสาวๆ ทั้งหลาย ในเรื่องราวที่เกิดขึ้น อย่าลืมว่า โลกออนไลน์ สิ่งที่เราเห็น เราได้รับข้อมูลใช่ว่าทุกอย่างจะจริงอย่างที่เราเห็น มันทำขึ้นมาได้ เอารูปคนหล่อๆ สักคน มาแปะ เอาวันเดือนปีเกิดใครสักคนที่เจ๋งๆ หรือของคนดังมาใส่ซึ้งของพวกนี้หาได้ง่ายๆ จากอินเตอร์เน็ต เท่านั้นก็ปั้นคนมาโลดแล่นอยู่ในโลกออนไลน์ได้แล้ว
      Post นี้ขอนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงมาแชร์กันก่อน ส่วน post ต่อไป จะเป็นวิธีการแนะนำ วิธีการสังเกตุว่าฝรั่งแท้หรือแค่ Make เอา มาฝากค่ะ ติดตามต่อไปใน รู้ทันฝรั่งเก๊ รับรองไม่โดนหลอก


 




Friday, May 16, 2014

ลืมไม่ลง...กว่าที่จะได้กรีนการ์ดอเมริกา รอนานกว่า 9 ปี ตอนที่ 2

ความเดิมจากตอนที่แล้ว ...รวบยอด สรุปได้ว่ามีสต้องรอใบเขียวตั้งแต่ยังไม่จบประถมยันจบ ม.ปลาย สุดท้าย จนแล้วจนรอดยังไม่ได้วีซ่าถาวรเรียกตัวไปอเมริกาซักที จนกระทั่งได้ขอวีซ่าแบบพิเศษ ไปอเมริกา วีซ่าตัวนี้ ณ ขณะนั้นมีใช้ได้ไม่นาน เชื่อหรือไม่ มีทนายบางคน ไม่ทราบ หรือไม่แนะนำ แต่ก่อนอื่นที่พูดแบบนี้ ไม่ได้แปลว่าเราเก่งกว่าทนายนะ แต่มีสแค่ต้องการจะบอกว่า ไม่ว่าท่านจะทำอะไร ก็ตามที่เกี่ยวกับกฏหมายอเมริกา จะเป็นเรื่องเซ้นซิทีฟมาก ดังนั้นคุณต้องศึกษาข้อมูลให้ดี ถามทนายหรือถามผู้รู้ อย่างน้อยสามคนขึ้นไป เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำ หากถามในเรื่องเดียวกัน สมมุติ ถามซัก 5 คน ถ้าสามหรือสี่คนบอกได้ทำได้ คุณค่อยเชื่อและศึกษาข้อมูล เพื่อใส่เกียร์เดินหน้า ....เอาหละ นอกเรื่องมามากหละ ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน

ยังไม่ได้กรีนการ์ดแล้วไปอเมริกายังไง  ...
      แม่กับพ่อ ตอนนั้นถือครองใบเขียว และขอใบเขียวให้มีสกับน้องน้องนานแล้ว จนหลายปีดีดักผ่านไป ก็จนปัญญา และแล้วฟ้าก็ทรงโปรด อเมริกาออกกฏหมายอิมมิเกรชั่นตัวใหม่ออกมาเพื่ออนุญาติให้เด็กที่พ่อแม่แอ พพลายใบเขียวให้ และรอใบเขียวนาน 3 ปีขึ้นไปได้ไปอยู่ด้วยกันไวขึ้น เรียกว่า V2 visa (สำหรับลูก) สามารถหาข้อมูลได้จาก USCIS V visa ถ้า V1 visa เป็นของคู่สมรสของใบเขียว สำหรับโพ้สนี้ จะขอเขียนเป็นเรื่องราวประสบการณ์ที่เราเจอมามากกว่า
     มีคนแนะนำให้แม่ และพ่อ ขอวีซ่า ตัวนี้ให้ลูกๆ ทั้ง 3 คน คนๆ นี้ไม่ใช่ทนายโดยตรงหรอกค่ะ แต่เป็นทะแนะ  แต่เห็นว่าทำงานกับทนายอิมมิเกรชั่นมานาน ไม่มีคำอธิบายใดๆ นอกจากทำตามที่เขาบอก พ่อกับแม่ ไม่ได้ภาษาค่ะ เพราะที่เขาทำงานอยู่ ที่ L.A ก็มีแต่เพื่อนคนไทย ดังนั้นสังคม หรือข้อมูลต่างๆ ก็จะมาจากคนไทยที่ปากต่อปากต่อกันมา แนะนำต่อกันมา สุดท้าย แม่กับพ่อยอมควักเงินจ่ายแพงมาก ๆ ซึ่งจริงๆ ค่าขอวีซ่า V2 visa จริงๆ ก็ไม่กี่ตังค์ แต่ยังไงไม่ทราบค่าขอแพงหูอื้อ  แต่แม่กับพ่อตกลงจ่ายไป เพราะกลัวมีส ซึ่งเป็นลูกคนโตจะอายุเกิน 21 ก่อน จะทำให้ขอวีซ่าตัวนี้ไม่ได้ ที่สำคัญคือ หากมีสอายุ 21 ปี กลุ่มโค้ว์ต้า หรือ preference category จะเปลี่ยนไป จะมีผลทำให้ต้องรอใบเขียวนานขึ้นไปอีก เพราะ ณ ขณะนั้น โค้วต้าของมีสและน้องๆ อยู่ที่ second preference B ค่ะ ตามข้อมูลด้านล่างเลยค่ะ 
  • First Preference(F1) : Unmarried, adult (21 years of age or older) sons and daughters of U.S. citizens -- ลำดับแรกก็คือ บุตรของ US citizen ที่ยังไม่แต่งงาน และอายุ 21 ปี หรือมากกว่า 21 ปี จะได้ใบเขียวก่อน สำหรับบุตรที่อายุต่ำว่า 21 ปี นั้นไม่ต้องรอค่ะ เพราะไม่มีโคว้ต้า ใบเขียวจะได้ทันที กรณีนี้เรียกว่า immediate relatives ของ อเมริกันซิติเซ่นค่ะ
  • Second Preference A (2A): Spouses of permanent residents and the unmarried children (under the age of 21)) of permanent residents -- คู่สมรสของผู้ที่ถือใบเขียว และบุตรที่มีอายุต่ำว่า 21 ปี (นี่คือลำดับที่มีสและน้องๆ ได้ตอนรอใบเขียวนะค่ะ)
  • Second Preference B (2ฺB): Unmarried sons and daughters (21 years or age or older) of permanent residents -- ลำดับต่อมาคือ บุตรที่ยังไม่แต่งงานแต่มีอายุ 21 ปีขึ้นไป ของพ่อแม่ที่ถือครองใบเขียวหรือกรีนการ์ด
  • Third Preference (3): Married sons and daughters of U.S. citizens, their spouses and their minor children -- ลำดับที่สาม คือบุตรของอเมริกันซิติเซ่นที่แต่งงานแล้ว คู่สมรสและลูกของบุตร หรือหลาน
  • Fourth Preference (4): Brothers and sisters of adult U.S. citizens, their spouses and their minor children -- ลำดับสุดท้าย คือ พี่น้องพ่อแม่เดียวกันของอเมริกันซิติเซ่น คู่สมรสและบุตรที่อายุต่ำกว่า 21 ปี

[** ข้อมูลที่กล่าวข้างต้นนี้ อ้างอิงมาจาก เว็บไซด์ http://uscis.gov ]

ด้วยความที่กลัวว่าลูกจะไม่ได้ไปเลยยอมจ่าย ไม่ประมาณ 6 เดือน ก็มีจดหมายไปที่บ้านที่เมืองไทยให้เตรียมเอกสารไปยื่นขอ V2 visa แต่ตอนนั้นมีสยังไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย เพราะไม่เคยศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย ตอนนั้นก็ยังเด็ก ก็ต้องตามผู้ใหญ่ไว้ก่อน ตามประสาเด็กไทยบ้านนอกคนหนึ่ง พอยื่นเอกสารผ่านและเข้าสัมภาษณ์กับทางสถานฑูตอเมริกันที่เมืองไทยก็รู้ผล ภายในวันที่สัมภาษณ์เลย เราตอบรับวีซ่า ทางสถานฑูตแจ้งว่า เราต้องเดินทางออกนอกประเทศภายใน 4 เดือน ไม่งั้นจะถือว่าสละสิทธิ์ไม่รับใบเขียวด้วยเช่นกัน ...เราไม่รอช้าค่ะ รีบโผบินสู่อ้อมอกของสหรัฐในแทบจะทันที

และนี่คือโฉมหน้าของ V2-visa     >>>
ไม่ แน่ใจว่าในสิบปีที่ผ่านมามันเป็นอย่างไรมีการเปลี่ยนแปลงตัวบทกฏหมายใหม่ หรือไม่ แต่อย่างไรขอให้ผู้ที่สนใจหรือเข้ามาอ่านบล็อคนี้ ให้ตรวจสอบกับทนายด้านอิมมิเกรชั่นโดยตรง แต่อย่างที่เคยบอก ให้เช็คกับทนายและผู้เชี่ยวชาญหลายๆ ดูก่อน ถ้า 2 ใน 3 บอกได้ว่า แบบนั้นก็เดินหน้าได้เลยค่ะ 

** เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง มีสขอปิดบังบางส่วนนะค่ะ



ได้ V2 วีซ่าและเดินทางเข้าไปอเมริกาแล้วเป็นอย่างไรต่อไป
        * [ขอเล่าก่อนนิดสหนึ่งถึงเรื่อง กฏของการถือครองวีซ่า  V2 คือ
วีซ่า V2 หรือ V-3 จะมีสิทธิ์ใช้ได้จนถึงอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์  กล่าวคือถ้าเด็กได้ วีซ่า V ตอนอายุ 19 ปี เขาสามารถอยู่ในอเมริกาได้ จนถึงวันที่อายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ (หรือในวันเกิดที่  21 ของตน) เพราะเมื่อเด็กอายุครบ 21 ปีเมื่อใด โคว้ตารอใบเขียวจะเปลี่ยนไปอยู่ในโซน 2B ทันที ซึ่งหมายความว่า เด็กคนนั้น จะต้องใบเขียวนานกว่าเดิม
          หากอายุ 21 ปีแล้วยังเปลี่ยนสถานะไม่ได้ เด็กจะต้องออกนอกประเทศ หรือ อาจจะขออยู่ต่อด้วยการใช้วีซ่าชั่วคราวได้ แล้วแต่สถานะการณ์ในแต่ละเคส บางทีก็ขอให้อยู่ต่อได้ บางทีก็อาจจะต่อไม่ได้ เพราะเป็นแค่วีซ่าชั่วคราว ถึงจะขอผ่านจากสิทธิการรอใบเขียวก็ตาม
        ** แต่ในกรณีหากลูกที่พ่อแม่ขอใบเขียว(และยังรอเรื่องอยู่) หรือ ได้วีซ่า V-2 เคสขอใบเขียวจากพ่อแม่ รวมถึงวีซ่า V-2 วีซ่า จะถูกยกเลิกทันที ]

 เมื่อลูกๆ ที่ได้วีซ่า V-2 ไปอยู่ในอเมริกาแล้วขั้นต่อไป ก็จะต้องขอยื่นเปลี่ยนสถานะ แต่ การเปลี่ยนสถานะจะต้องเช็คโคว้ตาของเราด้วย ว่าปี้นี้สิทธิ์จะมาถึงเราหรือไม่ หากคิวเปลี่ยนสถานะเป็นวีซ่าถาวรยังไม่ถึงเรา เราก็ขอเปลี่ยนสถานะจาก V ไป เป็นใบเขียวไม่ได้ หรือเป็นไปได้ยาก

เพื่อความชัวร์ ทันทีไปถึงอเมริกา พ่อก็สอบ citizen ทันที ...(เป็นวิธีที่ควรทำอย่างยิ่ง) เพื่อให้ลูกๆ ได้ first preference หรือ F1 และมันก็เป็นตามนั้น โคว้ต้าเราร่นมาไวขึ้นทำให้ immigrant visa ของเราขอเปลี่ยนสถานะได้เลย

เกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น ...
         พ่อได้ซิติเซ่นแล้ว ทีนี้ก็ถึงตอนที่เราจะต้องเปลี่ยนสถานะ เพราะ preference category ของเราย้ายจาก F2B มาเป็น F1 แล้ว พอเช็คสถานะวีซ่าถาวรของเราแล้ว ขั้นต่อไปคือ
ยื่นเอกสารเปลี่ยนสถานะ โดยการใช้ 2 ฟอร์มนนี้ค่ะ
1. Form I-539, Application to Change Nonimmigrant Status, and Supplement A, and
2. Form I-693, Medical Examination of Aliens Seeking Adjustment of Status.

การยื่นเอกสารนั้น ตอนมาแรกๆ ยังใช้ทแนะคนเดิมอยู่ แต่เหมือนว่านางจะไม่รู้เรื่องอะไรมากแค่คอยเอาตังค์หรืออย่างไรไม่ทราบ เรื่องโดน denied มาสองรอบ แต่ละรอบทำให้เสียเวลาหลายเดือน จนรอบที่ 3 เราจึงต้องตัดสินใจหาทนายคนใหม่ ซึ่งตอนนี้เรื่องมันซับซ้อนกว่าเดิมแล้วเพราะเราไม่จ้างเขาแต่งแรก แน่นอนว่า ค่าจ้างทนายตามเรื่องให้ มันแพงขึ้น หลังจากที่ส่ง ฟอร์มที่ถูกต้องไป ก็ได้รับการตอบรับต่อการเปลี่ยนสถานะ เพราะพ่อกลายเป็นซิติเซ่นเรียบร้อยแล้ว เลข preference เขาขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง วีซ่าพร้อมที่จะให้เราขอเปลี่ยนเป็นวีซ่าถาวรแล้ว

                 จำได้เลยว่า ถึงแม้มีสและน้องๆ จะฉีดวัคซีนมาจากเมืองไทย มีจดหมายจากหมอเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องโดนตรวจและโดนฉีดยาอยู่ดี เขาจะเช็คหมดนะค่ะ อย่างมีสเนี่ย อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ เราจะโดนถามว่ามีลูกรึยัง เช็ค กดตรงนั้นตรงนี้ ตอนแรกก็ไม่ค่อยจะชอบเท่าไหร่ รู้สึกอารายกันนักกันหนา แต่ต้องเข้าใจค่ะ เพราะอเมริกันเขาทำกันแบบนี้จริงๆ ตามหน้าที่ของหมอ เสร็จแล้วเราก็ยื่นส่งเอกสารเข้าไป ดูเหมือนจะจบแล้วนะค่ะ แต่ว่า...ไม่จบแค่นั้นค่ะ
                  เพราะชีวิตของแหมบอินเตอร์ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ขอเล่าต่อแบบอย่างย่อ ...หลังจากที่พ่อไปสอบอเมริกันซิติเซ่นแล้ว เมื่อพ่อกลายเป็นอเมริกัน น้องๆ ของมีส ทั้งสองคนอายุต่ำกว่า 18 ปีทั้งสองคน คนกลาง 14 ปี และคนเล็ก 10 ปี ตามกฏแล้วเมื่อพ่อกลายเป็นซิติเซ่นแล้วกรอกข้อมูลลูกๆ ลงไป หากเด็กต่ำกว่า 18 ปี จะได้โอนสัญชาติเป็นอเมริกันโดยอัติโนมัติ (ใช้ได้ในสถานะภาพ ไม่ว่าจะเป็นพ่อเลี้ยงหรือว่าพ่อจริงๆ ) น้องๆ ของมีสสองคนไม่ต้องรอเอกสารตอบรับ ไม่ต้องรอใบเขียว ทุกคนสถานะ confirmed และมั่นคง แต่เขาก็ยังลุ้นแค่มีส...ว่าจะได้ไม่ได้ ทนายนั้นอยู่อีกเมืองลอสแองเจลลิส ก็บินมาช่วยเหลือในยามจำเป็น จนเอกสารตอบรับมาจาก INS เรียบร้อยเหลือวันสัมภาษณ์ ที่เลขาทนายโทรมาย้ำนักย้ำหนาว่า เอกสารทุกอย่างของพ่อและแม่ต้องเป็นตัวจริง ไม่ใช่สำเนา..แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นได้เพียงเพราะความสำพร่ำของเราเอง

อีกแค่ 6 วัน จะอายุ 21 ปี... เกือบต้องโดนเนรเทศ
                   ยังจำวันนั้นได้ดี วันที่ได้เข้าสัมภาษณ์เพื่อเปลี่ยนสถานะตัวเองเป็นใบเขียว มีสก็ตื่นเต้นแต่วันนั้นแม่กลับเมืองไทย เลขาของทนายก็โทรมาบอกกับพ่อว่าเอกสารทุกอย่างต้องเป็นตัวจริง รวมถึงต้องไม่ลืมใบ American citizenship certification  พ่อจะต้องเข้าไปสัมภาษณ์ด้วยเพราะว่า พ่อคือคน applied หลัก ทนายก็บินมาจากแอลเอ เพื่อการนี้ แต่....พ่อ ลืม certificate ตัวจริง พ่อถึงกับเหวอเพราะเลขาทนายอุตส่าห์ให้คนมาย้ำแล้วย้ำอีกว่าทุกอย่างต้องเป็นตัวจริงไม่ใช่สำเนา ... ผลเลวร้ายกว่านั้นคือ เขา ปฏิเสธเคสเราทันที และเราต้องออกจากอเมริกาก่อนวันอายุครบ 21 ปี ซึ่งก็เหลืออีกไม่ถึงเดือน.....นาทีนั้น ตกใจสุดขีด แต่เมื่อปรึกษาทนายก็บอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะตามเรื่องให้แบบด่วนให้ ถึงตอนนี้หากใครมีประสบการณ์คำว่าเคส "ด่วน" กับทนายที่อเมริกา ท่านก็คงพอจะนึกออกว่าราคาค่าจ้างนั้นแพงกว่าปกติถึงสามเท่า (นี่ราคากันเองนะ) ทนายแก้ต่างอะไรให้เสร็จสับ จน INS นัดไปสัมภาษณ์ใหม่ และทนายก็บินไปพามีสเข้าสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง (สำเหนียกเลยว่า ใบเขียวนั้นสำคัญฉไหน) ณ ตอนนั้น เหลือแค่อีก 6 วัน เราจะอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ นั่นหมายถึงเงื่อนไขของ V2 visa จะหมดลง และเราต้องออกนอกประเทศ หรือไม่ก็ขอ extend อยู่ต่อชั่วคราว 
                    ....และแล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น เมื่อวันที่เข้าสัมภาษณ์วันนั้น เปลี่ยนชะตาชีวิตมีสเป็นการถาวร เพราะวันนั้น ...ใบเขียวอนุมัติ เราได้แล้วกรีนการ์ด stamped ตัวบะเร่อหน้าพาสปอร์ตของมีส

                   กว่าจะได้มาก็รอแสนนาน รอไม่พอ เมื่อไปถึงยังต้องเจออีกด่านมหาโหด มาถึงตรงนี้ก็ต้องขอขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่เข้ามาอ่าน หวังว่าบล็อคนี้คงจะให้ความรู้และความบรรเทิงไม่มากก็น้อย และยิ่งไปกว่านั้นหากใครเจอสถานะเช่นนี้ หรือน้อยใจในการรอคอยกรีนการ์ดของอเมริกา ขอให้ทราบเอาไว้ว่า สำหรับบางคนมันก็ไม่ได้มาง่ายๆ แต่ก็ไม่ใช่คุณแค่คนเดียวที่ท้อ เหมือนอย่างมีสไง ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่รอคอยกรีนการ์ดอเมริกาทุกคนค่ะ



Friday, May 9, 2014

ความแตกต่างของสิทธิคนที่มีใบเขียว (Green card) กับ American citizen

มีหลายคนถามมาว่า มันต่างกันยังไง ระหว่างมีใบเขียวและการโอนสัญชาติเป็นอเมริกันซิติเซ่น จริงๆ เมืองไทยไม่ใช่คอมมิวนิสต์ คนไทยเราหากมีใบเขียว เราสามารถมีสองสัญชาติหรือ Dual citizenship ได้ค่ะ แต่ความแตกต่างของการเป็นผู้ถือครองใบเขียวและการเป็นพลเมืองอเมริกันมันต่างกัน ขอบอกเล่าเป็นเว่อร์ชั่นย่อ และเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน จะใช้คำที่ค่อนข้าวรวบรัด คนที่ถือครองใบเขียวมีสิทธิเกือบเท่าเทียมกับซิติเซ่นประมาณ 70% (อันนี้คิดๆ ตีเป็นเปอร์เซ็นต์ให้พอเห็นภาพ) คือ


1. ใบเขียวนั้น ออกนอกประเทศได้ไม่เกิน 6 เดือน ถ้าอยู่เกิน 6 เดือนแต่ไม่เกิน 1 ปี ต้องขอ re-admission เข้าประเทศใหม่ อยู่เกิน 1 ปี จะถูกถอดสิทธิ์การถือครองใบเขียว สำหรับซิติเซ่น ไม่โดนถอดแต่จะโดนปรับที่อยู่เกินแทนตามกฏหมายคนเข้าเมืองประเทศนั้นหากอยู่เกินกำหนด (ใน กรณีที่กลับเมืองไทยโดยไม่ขอวีซ่า อยู่ได้สามสิบวัน จะอยู่เกินต้องแจ้งความจำนงและเสียค่าธรรมเนียมไว้ล่วงหน้า ไม่งั้นจะโดนปรับตอนขาออก แต่จะไม่โดนริบรอนสิทธิในการเป็นพลเมืองอเมริกัน)
2. ใบเขียวนั้นขอ General services อย่างพวก Welfare; foodstamp, cashaid ไม่ได้ เพราะหากมีคน sponsor มาอย่างพ่อแม่ หรือคู่แต่งงาน หรือ employer แต่จะมีข้อยกเว้นสำหรับใบเขียวที่ได้มาแบบพิเศษ นั่นคือ ใบเขียวของ refugee หรือกลุ่มคนอพยพ และ ใบเขียวที่ได้มาเพราะเป็นเหยื่อค้ามนุษย์หรือที่เรียกว่า human trafficking victims สองกลุ่มนี้จะได้รับการยกเว้นเป็นพิเศษ ให้ขอเงิน welfare และ general services เฉกเช่นพลเมืองอเมริกันได้ เพราะรัฐบาลกลางสหรัฐให้ความดูและคุ้มครอง
3. ใบเขียวมิสิทธิในการทำงาน เดินทางเข้าออกประเทศได้อย่างอิสระ (โดยทำตามเงือนไขของข้อ 1) มีสิทธิเรียนเท่ากับอเมริกันซิติเซ่น แต่ไม่สามารถขอทุนได้ทุกทุน ส่วนมากทุนหรือ grant จะให้สิทธิกับซิติเซ่น
4. SSI เงินประกันสังคมสูงอายุ คุณขอได้เหมือนซิติเซ่น หากทำงาน 10  ควาเต้อร์ SDI หรือเงินประกันสังคมสำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในงาน และประกันสังคมของคนตกงานจาก EDD (employment development department)  ใบเขียวก็ขอได้หากคุณทำงานประจำเพราะทุกเช็คของคนทำงานในระบบ มีหักเผื่อพวกนี้ไว้อยู่แล้ว
5. American citizen have a right to vote กล่าวคือ สิทธิการลงทะเบียนเลือกตั้ง มีไว้ให้อเมริกันซิติเซ๋นเท่านั้น
6. หากใบเขียวทำผิดร้ายแรง จะโดนริบใบเขียวและเนรเทศเฉกเช่นเดียวกับซิติเซ่นที่ได้รับการโอนสัญชาติ ก็มีสิทธิที่จะถูกถอดซิติเซ่นและส่งตัวกลับบ้านเช่นกัน ยกเว้น ซิเซ่นที่เป็นอเมริกันโดยกำเนิด ไม่มีประเทศอื่นให้กลับและใบเขียวที่ได้รับการยกเว้นที่จะไม่โดนเนรเทศในกรณีที่ give up loyalty to your country เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างเช่น refugee หรือคนอพยพที่หนีสงครามสมัยก่อน เช่น คนลาวอพยพ หรือ คนอพยพในกรณีอื่นๆ
7. คนที่มีใบเขียวไม่สามารถทำงานในองค์กรของรัฐบาลกลาง หรือในชั้นของ federal ได้ ยกเว้น Army ที่ตอนนี้เปิดรับทหารที่มีใบเขียวสิบปีสมัครเป็นทนายได้ในบางสังกัด แต่ในองค์กรค์ภาครัฐในชั้น federal แล้ว คุณต้องเป็น American citizen เท่านั้น แต่ใบเขียวจะสามารถทำงานในองค์กรรัฐบาลในชั้นของ State ลงไปจนถึง district ได้
8. การยื่นขอใบเขียวใหญ่ญาติใกล้ชิด อย่างเช่น ภรรยา ลูก หรือพ่อแม่ สำหรับซิติเซ่นนั้นไวกว่ามาก ที่สำคัญคือ หากลูกที่เขาขอใบเขียวให้อายุไม่เกิน 18 ปี ลูกจะได้อเมริกันซิติเซ่นตาม ส่วนใบเขียว รอนานมากค่ะ นานจนลืม




Sunday, April 20, 2014

สถิติคนไทยที่ได้ล็อตโต้กรีนการ์ดของอเมริกา 2014

นี่คือ ข้อมูลอัพเดทของล็อตโต้กรีนการ์ด สล็อตปี 2014 ค่ะ จะเห็นได้ชัดว่า สถิติ winner ของ 2014 เพิ่มขึ้นจากปี 2013 คลิ๊กลิ้งเพื่อดูข้อมูลของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา



    ถ้าดูเทียบกันก็จะเห็นได้ว่า จำนวนผู้ที่ถูก Lotto green card ของคนไทยมีเพิ่มสูงขึ้น เป็นเรื่องที่น่ายินดีนะค่ะ สำหรับคนที่สนใจจะสมัครแต่กลัวภาษาอังกฤษ โปรดติดตามจากบล็อคนี้เรื่อยๆ นะค่ะ สำหรับปีนี้จะนำเอกสารการสมัครล็อตโต้ใบเขียว หรือ instruction มาโพ้สลงที่นี่ค่ะ พร้อมคำอธิบายการสมัครไว้ให้สำหรับคนที่กลัวเทคโนโลยี รอปลายเดือนกันยายน 2557 นี้จ้า นึกสะว่าเล่นหวยนะ